การกลับมาอีกครั้งของสุดยอดนักเปียโนระดับโลก Richard Clayderman ที่จะมาบรรเลงเปียโนสุดแสนโรแมนติกในค่ำคืนสุดพิเศษ “Romantique Sensation Night with Richard Clayderman” คอนเสิร์ตที่คอเพลงไม่ควรพลาด

นับเป็นโอกาสพิเศษกับความโรแมนติก รับลมหนาวส่งท้ายปลายปี เมื่อ บริษัท ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด ค่ายเพลงชั้นนำของโลก ร่วมกับ “Blackberry” ภูมิใจนำเสนอโปรเจคสุดพิเศษกับค่ำคืนอันแสนโรแมนติกของ Richard Clayderman (ริชาร์ด เคลย์เดอร์มอง)โรแมนติคเปียโนระดับโลกยอดขายอันดับ 1 ตลอดกาล ซึ่งครั้งนี้คุณจะได้ชมการแสดงเปียโนเพลงฮิตและหลากหลายบทเพลงที่หาฟังได้ยากจาก Richard Clayderman ใน  “Romantique Sensation Night with Richard Clayderman” (โรแมนติก เซนเซชั่น ไนท์ วิท ริชาร์ด เคลย์เดอร์มอง) คอนเสิร์ตดีๆ ที่ทุกคนไม่ควรพลาดกับการร่วมสัมผัสประสบการณ์แสนหรูหราและน่าประทับใจในครั้งนี้

ถ้าเอ่ยชื่อของ Richard Clayderman เชื่อแน่ว่านักเล่นเปียโนและนักฟังเพลงทั้งหลายคงรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเขาคือนักเปียโนชาวฝรั่งเศสที่ได้สร้างสรรค์ผลงานในระดับสากล จนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะศิลปินที่มียอดขายอัลบั้มสูงสุดและเป็นนักแสดงเดี่ยวเปียโนที่ดีที่สุด เขาไม่เพียงแต่เป็นศิลปินที่มีอัลบั้มที่ดีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง  เขายังมีชื่อเสียงในด้านการแสดงคอนเสิร์ตและเปิดการแสดงมาแล้วกว่า 2,000 คอนเสิร์ตอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากมีโอกาสได้ชมการแสดงสดของเขาสักครั้งในชีวิต โดยผลงานเพลงสร้างชื่อที่ทำให้ทั่วโลกรู้จัก Richard Clayderman เป็นอย่างดีได้แก่ทำนองเพลงบรรเลงรักหวานซึ้ง อย่างเพลง Ballade Pour Adeline”(บัลลาด ปูร์ อาเดอแลง) ที่ทำยอดขายได้กว่า 22 ล้านซิงเกิ้ล และมียอดขายอัลบั้มกว่า 85 ล้านแผ่น และสำหรับผลงานล่าสุดกับอัลบั้ม Romantique อัลบั้มรวมเพลงบรรเลงเปียโนสุดซึ้งที่วางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จเกิดคาด จนเกิดเป็น เอชียทัวร์ “Romantique Sensation Night with Richard Clayderman” คอนเสิร์ตสุดพิเศษที่ทุกคนจะได้ร่วมสัมผัสและพิสูจน์ถึงการเป็นเจ้าชายสุดโรแมนติกหรือ “The Prince of Romance” ที่ Richard Clayderman ได้ถูกยกย่องเอาไว้

และสำหรับคอนเสิร์ต  “Romantique Sensation Night with Richard Clayderman” เรียกได้ว่าเป็นโปรเจคเซอร์ไพรส์ปิดท้ายปลายปีจาก ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค (ประเทศไทย) ที่อยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมสัมผัสกับประสบการณ์สุนทรีในการชมคอนเสิร์ต โดยจะสร้างสรรค์บรรยากาศของสถานที่จัดงานให้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติก ทั้งการตกแต่งสถานที่ บรรยากาศ ภาพบนเวทีบวกกับเสียงบรรเลงเปียโนสุดหวานของ Richard Clayderman ก็จะยิ่งทำให้ความหวานตลบอบอวลไปทั่วงานอย่างแน่นอน ร่วมดื่มด่ำกับบรรยากาศของค่ำคืนสุดหวานนี้ได้ในคอนเสิร์ต  “Romantique Sensation Night with Richard Clayderman” ในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2556 ที่ CentralWorld LIVE Arena ชั้น 8  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด โดยจะมีการเปิดขายบัตรตั้งแต่วันที่  4 ตุลาคม  เป็นต้นไป       บัตรราคา: 4,500 / 3,000 / 1,800 บาท และ VIP PACKAGE 7,000 บาท พร้อมรับซีดีอัลบั้ม Romantique และถ่ายภาพร่วมกับ Richard Clayderman โดยสามารถซื้อบัตรได้พร้อมกันทั้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ www.thaiticketmajor.com, บูธ Thaiticketmajor   ทุกสาขา, TTM CALL CENTER    02-262-3456

โปรโมชั่นพิเศษ
สำหรับผู้อ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และโพสต์ทูเดย์ รับส่วนลดทันที 10% เมื่อซื้อบัตรราคาใดก็ได้ เพียงตัดชิ้นส่วนโฆษณา “Romantique Sensation Night with Richard Clayderman” ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์หรือโพสต์ทูเดย์มาแสดงที่บูธ Thaiticketmajor   (1 ชิ้นส่วนหนังสือพิมพ์ สามารถซื้อบัตรได้ 2 ใบ ตั้งแต่วันที่  4 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป)

 

Richard Clayderman Biography

ริชาร์ด เคลย์เดอร์มอง (Richard Clayderman) นักเปียโนชาวฝรั่งเศสที่ได้สร้างสรรค์ผลงานในระดับสากล เขาเป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะศิลปินที่มียอดขายอัลบั้มสูงสุดและเป็นนักแสดงเดี่ยวเปียโนที่ดีที่สุดเช่นเดียวกัน

ริชาร์ด เคลย์เดอร์มอง หรือชื่อเดิมว่า Philippe Pagès เกิดวันที่ 28 ธันวาคม ปี 1953  คุณพ่อของริชาร์ดเป็นครูสอนเปียโน และได้เริ่มสอนเปียโนให้กับริชาร์ดตั้งแต่ยังเด็ก  เมื่ออายุเพียงแค่ 6 ขวบ ริชาร์ด ก็สามารถอ่านโน้ตดนตรีได้ดีกว่าการอ่านภาษาฝรั่งเศสแล้ว

เมื่อริชาร์ดอายุ 12 ปี เขาได้เรียนดนตรีที่ the Conservatoire of Music และเมื่ออายุ 16 ปี เขาได้รับรางวัลทางดนตรีรางวัลแรกในชีวิต และมีคนบอกเอาไว้ว่า เขาจะต้องเติบโตมาเป็นนักเปียโนคลาสสิคอย่างแน่นอน แต่จากนั้นไม่นานเขาก็ทำให้หลายๆ คนต้องประหลาดใจเมื่อเขาหันมาเอาดีทางด้านดนตรีร่วมสมัย (Contemporary Music)

“ผมอยากจะทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป”  ริชาร์ด กล่าว “ผมมีวงร็อคกับเพื่อนๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เรามีเงินไม่มากพอที่จะซื้อเครื่องดนตรีได้ และผมก็เลี้ยงตัวเองด้วยอาหารที่แย่มาก หลักๆ คือ แซนด์วิช นั่นทำให้ผมต้องเข้าผ่าตัดรักษาโรคทางเดินอาหารตอนอายุ 17”

ในเวลานั้น พ่อของเขาก็ล้มป่วยหนักและไม่สามารถสนับสนุนด้านการเงินให้กับริชาร์ดได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มทำงานเป็นนักดนตรีอย่างจริงจัง ผมเพลิดเพลินกับการทำงานมากและมันก็ให้รายได้เป็นกอบเป็นกำเลยล่ะ ริชาร์ด กล่าว “สิ่งนี้มันทำให้ผมห่างไกลออกจากดนตรีคลาสสิคแต่ในขณะเดียวกันมันก็ให้พื้นฐานทางดนตรีที่เข้มข้นกับผม

พรสวรรค์ของเขาถูกเก็บซ่อนเอาไว้ไม่นาน  ในเวลาต่อมาเขาได้กลายมาเป็นนักเปียโนให้กับศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศสอย่าง  Michel Sardou, Thierry LeLuron และ Johnny Hallyday แต่เมื่อเขาถูกถามถึงความฝันของเขาเองในเวลานั้น เขาตอบว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นดาวเด่น แต่ผมมีความสุขกับการที่ได้เป็นนักเปียโนและเล่นดนตรีพร้อมกับคนอื่นๆ ในวง”

ในปี 1976 ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จาก Olivier Toussaint โปรดิวเซอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส  ในตอนนั้น โอลิวิเย่ร์ กำลังทำงานให้กับ Paul de Senneville ผู้ซึ่งมองหานักเปียโนที่จะมาบรรเลงเพลงเพราะๆ ให้   พอล ได้แต่งเพลงนี้ให้กับลูกสาวที่เพิ่งลืมตาดูโลกของเขา “Adeline”  และริชาร์ดในวัย 23 ปีก็เอาชนะ อีก 20 ชีวิตที่เข้าออดิชั่นงานนี้ได้สำเร็จ

พอล กล่าวว่า พวกเราชอบเขาในทันทีทันใดเลยล่ะ เขามีความพิเศษอยู่ในตัวและเวลาที่เขาบรรจงจรดปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ดนั้น มันสอดคล้องกับบุคลิกอันสง่างามของเขาและโอลิวิเย่ร์ก็รู้สึกประทับใจเขามากทีเดียว ดังนั้นพวกเราเลยตัดสินใจอย่างรวดเร็วเลยล่ะ

ชื่อ Philippe Pagès ถูกเปลี่ยนเป็น Richard Clayderman ตามชื่อสกุลของคุณทวดเพื่อมิให้คนออกเสียงชื่อของเขาผิดเวลาที่เขาเดินทางออกไปนอกฝรั่งเศส และเมื่อซิงเกิ้ลแรกของเขาได้ปล่อยออกมา เวลานั้นซิงเกิ้ลนี้มียอดขายสูงถึง 22 ล้านก๊อปปี้ใน 38 ประเทศ และเพลงนั้นคือ “Ballade pour Adeline”(บัลลาด ปูร์ อาเดอแลง)

“เมื่อตอนที่ผมเซ็นสัญญากับเขา ผมบอกเขาว่า ถ้าเราขายได้ 10,000 ซิงเกิ้ล มันคงเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ เพราะว่าในยุคนั้นมันคือช่วงเวลาของดิสโก้ เราไม่สามารถพนันได้หรอกว่าเพลงบัลลาดแบบนั้นจะเป็นผู้ชนะ เราไม่ได้จินตนาการมาก่อนเลยว่า มันจะสร้างยอดขายได้มากมายขนาดนั้น โอลิวิเย่ร์ กล่าว

มันเป็นจุดเริ่มต้นของการประสบความสำเร็จครั้งนี้ และจากเวลานั้น ริชาร์ด  เคลย์เดอร์มอง  ก็ได้สรรค์สร้างการเล่นเปียโนที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก จนถึงวันนี้ เขาได้อัดเพลงทั้งหมดมากถึง 1,200 เพลง และจากคำวิจารณ์ของสื่อมวลชนชาวเยอรมัน เขาได้พูดถึงริชาร์ดว่า เขาได้ทำให้เปียโนเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งยังไม่มีใครทำได้มาก่อน ตั้งแต่ยุคของบีโธเฟ่น

ริชาร์ด เคลย์เดอร์มองต์ ได้สร้างสไตล์ที่เรียกว่า “New Romantic”  จนกลายเป็นตราสัญลักษณ์ของเขา ที่ผสานทั้งดนตรีแบบคลาสสิคและเพลงป๊อปแสตนดาร์ด  เขามียอดขายอัลบั้มทั่วโลกมากกว่า 90 ล้านอัลบั้ม และจากการนับครั้งล่าสุด เขาครองรางวัลยอดขายระดับโกลด์ถึง 267 รางวัลและ อีก 70 รางวัล        มัลติแพลทตินั่ม

อย่างไรก็ตาม “The Prince of Romance” เจ้าชายสุดโรแมนติก (ขนานนามโดย  Nancy Reagan อดีตภรรยาของประธานาธิบดีสหรัฐ Ronald Reagan)  ไม่เพียงแต่เป็นศิลปินที่มีอัลบั้มที่ดีเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง  เขายังมีชื่อเสียงในด้านการแสดงสดในคอนเสิร์ตอีกด้วย ริชาร์ด กล่าวว่า ผมรักที่จะแสดงสดบนเวที เพราะว่าผมได้สื่อสารโดยตรงกับผู้ฟังของผม ในคอนเสิร์ต ร่วมกับ   นักดนตรีอีก 10 ชีวิตหรือแม้กระทั่งวงซิมโฟนีออเครสตร้า ผมชอบที่จะผสมผสานเทมโป จังหวะ และสไตล์ทางดนตรีที่หลากหลายเข้าด้วยกันเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของผู้ฟังในทุกรูปแบบ

ความสำเร็จในระดับสากลของริชาร์ด เคลย์เดอร์มองต์ส่งผลมาจากการทัวร์คอนเสิร์ตที่มากถึง  200 คอนเสิร์ตใน 250 วันเต็มนอกประเทศฝรั่งเศส แต่อย่างไรก็ตาม เขายังคงความเป็นแฟมิลี่แมนได้อย่างเต็มตัว

ริชาร์ด เคลย์เดอร์มอง ได้ทุ่มเทเวลาให้กับภรรยาของเขา Typhaine ที่ได้แต่งงานกันเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2010 งานแต่งงานของทั้งคู่ถูกปิดเป็นความลับ มีเพียงเจ้าคุ้กกี้สุนัขของเขาที่ได้ร่วมงานด้วย  ริชาร์ดกับฉันไม่ได้อยากให้มันใหญ่โต เหมือนงานแต่งงานทั่วๆ ไป ภรรยาของเขากล่าว เราอยากจะให้งานแต่งงานนั้นมีแค่เราสองคนเท่านั้น เป็นวันที่พิเศษมากๆ เมื่อเราได้ออกจากซิตี้ฮอลล์พร้อมกับแหวนหมั้นบนนิ้วของเราทั้งคู่ พระอาทิตย์ก็ส่องแสง นกก็ประสานเสียง มันเป็นวันที่พวกเรามีความสุขที่สุดเลยล่ะ

หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่ริชาร์ด เคลย์เดอร์มอง จะต้องรับผิดชอบต่อความโด่งดังในระดับสากลของเขาก็คือการที่ต้องจากครอบครัวของเขาไป ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาค่อนข้างทุกข์ทรมานจากการห่างกัน แต่ก็เป็นหน้าที่ที่ริชาร์ดต้องรับผิดชอบต่อแฟนๆ นับล้านของเขา ครอบครัวของผมสำคัญต่อผมมาก และพวกเขาคือสิ่งเดียวที่ผลักดันผม เป็นเหตุผลที่ผมดำเนินชีวิตอยู่ นอกเหนือไปจากดนตรีของผม