“จิม สเตอร์เกส” ยืดอกรับ เปิดซิงประกบคู่ “ดูน่า เบย์” ครั้งแรกสุดประทับใจ ในภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์สุดอลังการแห่งปี Cloud Atlas หยุดโลกข้ามเวลา

นับเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกของสองนักแสดงมากฝีมืออย่าง หนุ่มหล่อ Jim Sturgess    (จิม สเตอร์เกส) และนางแบบสาวสุดฮอตจากแดนกิมจิที่ผันตัวเองมาเล่นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดครั้งแรกในชีวิต Doona  Bae  (ดูนา เบย์)  กับผลงานภาพยนตร์ อีพิค-ไซไฟฟอร์มยักษ์สุดอลังการแห่งปีเรื่อง  “Cloud Atlas  คลาวด์ แอตลาส หยุดโลกข้ามเวลา”  งานนี้สองนักแสดงนำจากเรื่องทั้ง Jim Sturgess (จิม สเตอร์เกส) และ Doona  Bae  (ดูนา เบย์) ได้เปิดใจถึงการโคจรมาร่วมงานกันครั้งแรกในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ ซึ่งทั้งคู่ได้เล่าถึงบรรยากาศการทำงาน ที่ทีมงานได้ยกกองไปถ่ายทำกันที่ Overtoun House (โอเวอร์ทูน เฮ้าส์) ใน West Dunbertonshire (เวสต์ ดันเบอร์ทอนเชียร์) ซึ่งเป็นย่านชนบทของสก๊อตแลนด์   โดยเป็นฉากการเล่าเรื่องในยุคปี 2144 (นีโอ โซล)  ในช่วงที่กรุงโซลถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการ  Sonmi 451 (ซอนมี 451 รับบทโดย ดูน่า เบย์) เกิดขึ้นจากการสังเคราะห์พันธุกรรม ไร้ความรู้สึกนึกคิด   ปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างที่ผู้ควบคุมสั่งเท่านั้น   หน้าที่ของเธอคือการทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร    จนมาวันหนึ่ง Yoona 939 (ยูน่า 939-รับบทโดย ซุน โจว) พี่น้องมนุษย์สังเคราะห์ด้วยกันพยายามสอนให้ Sonmi 541 (ซอนมี 451)  มีความคิดที่เป็นอิสระออกจากกรอบที่ผู้คุมกฎวางไว้  Sonmi 451 (ซอนมี 451)   ได้รับความช่วยเหลือจาก Hae-Joo Chang (แฮจูชาง-รับบทโดย จิม สเตอร์เกส) นักปฏิวัติอำนาจของรัฐบาลพาเธอหนีออกมาจากโลกของมนุษย์สังเคราะห์   ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักกันในระหว่างการหนีจากการไล่ล่า   และแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตของทั้งคู่

ลองมาฟัง Jim Sturgess (จิม สเตอร์เกส) เปิดใจถึงการร่วมงานกับนักแสดงสาว Doona  Bae  (ดูนา เบย์) ให้ฟังว่า
“…เป็นครั้งแรกสำหรับผมที่ Cloud Atlas ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นหนังเรื่องนี้   ผมว่ามันยิ่งกว่าประสบการณ์ที่ดีเลยนะ  มันเป็นเหมือนบทพิสูจน์ในชีวิตของผมว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราต้องทำอะไรที่แตกต่างให้ลงตัวและสมบูรณ์ที่สุด  ผมศรัทธากับงานชิ้นนี้มากๆ  ผมได้พาร์ทเนอร์อย่าง Doona  Bae  (ดูนา เบย์) ที่มาคอยช่วยเติมเต็มในบทให้สมบูรณ์ไร้ที่ติ  ผมชอบเธอนะ  เธอเป็นนักแสดงที่เก่งฉกาจคนหนึ่งในเอเซียเลย  เวลาว่างจากการพักเบรกเธอจะฝึกพูดภาษาอังกฤษและภาษาสเปนอยู่เสมอ เธอเป็นคนหัวไวมาก ผมใช้ภาษาเป็นตัวเชื่อมให้เราทำงานกันได้ง่ายขึ้น    ต่างคนต่างไว้ใจกันมากขึ้น และมันส่งผลให้เราทั้งคู่เล่นเข้าขากันได้ดี   ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็คชั่นหรือว่าเลิฟซีนก็ตาม  อย่างในฉากนี้เราทั้งคู่ต้องหนีการตามล่าจากรัฐบาล  มีฉากแอ็คชั่นหลายฉากที่เราต้องเล่นด้วยกัน ทีมงานเซ็ท Overtoun House (โอเวอร์ทูน เฮ้าส์) ให้กลายเป็นเซฟเฮ้าส์ที่ Hae-Joo Chang (แฮจูชาง) พา Sonmi 451 (ซอนมี 451) มาซ่อนตัว  และเป็นที่ๆ ทั้งคู่มีสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง  ผู้กำกับเรียกเราสองคนมาซ้อมต่อบทกัน   จากนั้นเริ่มมาร์คจุด และซ้อมจังหวะของการเล่นเลิฟซีน งานนี้ เราทั้งคู่ขอโชว์สปีริตด้วยการเล่นเองแบบไม่ใช้สแตนอิน  เพราะอยากให้ภาพออกมาสมจริง ก่อนถ่ายทำเราจะซ้อมจังหวะกันเอาแบบให้แม่นที่สุด และผมมักจะบอกกับ Doona (ดูน่า) เสมอว่าให้ไว้ใจผมนะ  ผมพร้อมที่จะปกป้องเธอ   แล้วเราจะผ่านฉากทุกฉากไปด้วยกัน  และเราทั้งคู่ก็ทำออกมาได้เป็นที่น่าพอใจ

ผมสวมบทเป็น Hae-Joo Chang (แฮจูชาง) หนุ่มนักปฏิวัติของเกาหลี  ผมเปลี่ยนลุ๊คเป็นคนเกาหลี  ทีมเมคอัพปรับตาสองชั้นของผมให้กลายเป็นตาชั้นเดียวได้ มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก นอกจากนี้ผมยังได้สวมบทบาทเป็น Adam  Ewing  (อดัม อีวิ่ง) ทนายความหนุ่มไฟแรงชาวซาน ฟรานซิสโก ,  แฟนบอลชาวสก็อตแลนด์ ที่บ้าบิ่น , หนุ่มยากจนที่อาศัยอยู่ในโรงแรมซอมซ่อ และ บท Adam (อดัม) น้องเขยของ Zachry (แซ็ครี) ที่โดนเผ่ากินคนฆ่าตาย ฯลฯ    เป็นการเล่นภาพยนตร์ที่มีบทหลากหลายมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นมา  มันสร้างประสบการณ์การทำงานครั้งสำคัญสำหรับผมมากเลยทีเดียว  ฉากทุกฉากที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนมีความเชื่อมโยงถึงกัน   แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นต่างเวลา ต่างสถานะกันก็ตาม  ผมอยากฝากให้ทุกคนติดตามชมดูความมหัศจรรย์ของภาพยนตร์เรื่องนี้กันดู แล้วคุณจะประทับใจเหมือนกับที่ผมเป็นอยู่ขณะนี้…”

Doona  Bae  (ดูนา เบย์)   นักแสดงสาวชาวเกาหลี  ที่ตบปากรับคำร่วมแสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้กล่าวเสริมให้ฟังว่า
“…ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ที่ได้รู้ว่าฉันจะได้แสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีทั้งดาราดังๆ มาร่วมงานนี้  จนฉันรู้สึกว่าเป็นนักแสดงตัวเล็กๆ ท่ามกลางนักแสดงที่เก่งอยู่รอบตัว  มันเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันเลย  จะมีดาราจากฝั่งเอเซียสักกี่คนที่มีโอกาสได้ไปร่วมงานใหญ่ระดับโลกแบบนี้  แน่นอนฉันจะไม่ยอมปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไปแน่ๆ  แต่ฉันก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะเป็นภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกสำหรับฉัน  ฉันพยายามทำการบ้านเยอะมาก แล้วพยายามเรียนภาษาเพิ่มเติม ฉันอยากออกเสียงสำเนียงภาษาอังกฤษและภาษาสเปนให้ถูกต้อง  โชคดีที่ฉันได้โค้ชสอนภาษาอังกฤษใจดีอย่าง  Jim SturGess (จิม สเตอร์เกส) ที่มาช่วยติวสำเนียงการออกเสียงให้ (ยิ้ม)  Jim (จิม) เป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารักมาก  อัธยาศัยดี  เขาเป็นคนดังที่ไม่ถือตัว  เลยทำให้เราคุ้นเคยและทำงานได้อย่างราบรื่น  

ฉันขอบคุณบทบาททุกตัวละครที่ฉันได้รับไม่ว่าจะเป็น บทของ Sonmi 451 (ซอนมี 451) มนุษย์สังเคราะห์ที่มีความสงสัยเกี่ยวกับโลกมนุษย์  เธอต้องการมีอิสระทางความคิด ซึ่ง Yoona 939 (ยูน่า939) เป็นคนจุดประกายความคิดนี้ให้กับเธอ   และ Hae-Joo Chang (แฮจูชาง) ก็เป็นมนุษย์คนแรกที่ใจดีและมอบความรักให้กับเธอทำให้Sonmi 451 (ซอนมี451) สามารถก้าวผ่านข้อจำกัดทางความคิดและสามารถยืนหยัดต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ให้กับพี่น้องมนุษย์สังเคราะห์ของเธอ  นอกจากนี้ยังมี    บทบาทของ Tilda (ทิลด้า) ภรรยาของ Adam Ewing (อดัม อีวิ่ง) ที่ฉันต้องแต่งตัวเป็นหญิงฝรั่งชาวตะวันตก หรือบทหญิงสาวชาวละติน ที่ต้องพูดภาษาสเปน  ทุกบทบาททุกตัวละครเปิดโลกการเรียนรู้ด้านการแสดงให้กับฉัน  และมันทำให้ฉันสามารถเอาชนะใจตัวเอง แล้วก้าวผ่านความกลัวที่วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา   ฉันจะไม่มีวันลืมภาพยนตร์ยิ่งใหญ่เรื่องนี้แน่ๆ …”

บทสรุปชีวิตรักของทั้งคู่  Sonmi 451 (ซอนมี 451) และ Hae-Joo Chang (แฮจูชาง) จะจบลงเช่นไรติดตามชมได้ในภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์แห่งปี   ที่ เอ็ม พิคเจอร์ส ตั้งใจคัดสรรค์มาเป็นพิเศษ ส่งท้ายปลายปีเรื่อง “Cloud Atlas คลาวด์ แอตลาส หยุดโลกข้ามเวลา”  จากผลงานการกำกับของ Tom Tykwer (ทอม ไทเควอร์) ,  Lana (ลานา วาโชว์สกี้) และ  Andy Wachowski (แอนดี้ วาโชว์สกี้)   สุดยอดผู้กำกับมากฝีมือที่ประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เรื่อง The Matrix ทั้งสามภาคเป็นเครื่องการันตี แฟนหนังชาวไทยเตรียมสัมผัสความมหัศจรรย์เหนือจินตนาการก่อนใครได้แล้ว วันนี้ตั้งแต่ รอบ 20.00น. เป็นต้นไป ณ โรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์ , พารากอน , SFW เซ็นทรัลเวิลด์   และฉายจริง  29 พฤศจิกายนนี้  ทุกโรงภาพยนตร์และ ไอแมกซ์