กลุ่มทรู เผยโฉมพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ประกาศความพร้อม ปรับฐานธุรกิจ (Transformation) สู่ความแข็งแกร่งครบทุกด้าน

กลุ่มทรู ประกาศจับมือพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับ ไชน่าโมบายล์ ร่วมเสริมศักยภาพด้านธุรกิจ และปรับฐานการเงินให้แข็งแกร่ง (Recapitalization) ด้วยการจัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement )มูลค่าประมาณ 28,600 ล้านบาทคิดเป็น 18% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด  พร้อมการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights offering) มูลค่าประมาณ 36,400 ล้านบาท เพิ่มความพร้อมนำไปสู่การเป็นผู้นำธุรกิจคอนเวอร์เจนซ์ที่แข็งแกร่งในทุกด้าน และสร้างโอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยใหม่ๆ เพื่อยกระดับธุรกิจโทรคมนาคมประเทศไทยให้ทัดเทียมทั่วโลก

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรูรู้สึกเป็นเกียรติและขอต้อนรับไชน่าโมบายล์พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่มั่นใจร่วมลงทุนในกลุ่มทรู และพร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันอย่างมั่นคง ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยของไชน่าโมบายล์อีกด้วย ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มทรู เล็งเห็นศักยภาพและโอกาสที่กลุ่มทรูจะก้าวเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาวเช่นกัน  จึงพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนการปรับฐานการเงินด้วยการเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยเครือซีพียินดีที่จะรับซื้อหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิ และในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นๆไม่ใช้สิทธิรับซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ครบ เครือซีพีก็ยินดีจะพิจารณาสนับสนุนการเพิ่มทุนครั้งนี้ให้สำเร็จตามช่องทางที่จะทำได้ ”

มร.หลี่ เยว่ หัวหน้าคณะผู้บริหาร บริษัท ไชน่า โมบายล์ จำกัด กล่าวว่า ไชน่าโมบายล์ได้รุกขยายธุรกิจต่างประเทศอย่างต่อเนื่องรวมทั้งการมองหาโอกาสในการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความใกล้ชิดกับสาธารณะรัฐประชาชนจีน และยังมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างกันในด้านเศรษฐกิจและการค้า มีความคล้ายคลึงทางด้านสังคม วัฒนธรรม ภาษา ตลอดจนบรรยากาศการลงทุนที่เป็นมิตรกลุ่มทรูเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความเป็นผู้นำทั้งด้านบรอดแบนด์  เคเบิ้ลทีวี และความเป็นผู้นำด้านธุรกิจโมบายล์ในไทยทั้ง 3G และ 4G แม้ในภาวะการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจโทรคมนาคมในไทย  รวมถึงยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มทรูด้านคอนเวอร์เจนซ์ที่สามารถสร้างความแตกต่างและสะท้อนวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของกลุ่มทรู  ทำให้ไชน่าโมบายล์เล็งเห็นโอกาสการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจนี้ ที่จะสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างดี  การลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้   ไชน่าโมบายล์คาดว่าจะเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่เพิ่มโอกาสเติบโตของธุรกิจและสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งในตลาดโลก  ในขณะเดียวกัน การลงทุนครั้งนี้จะเพิ่มชื่อเสียงในต่างประเทศ รวมถึงเผยแพร่การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรมของบริษัทด้วย

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการและประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทรูมีพัฒนาการและประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายๆ ด้าน  ทั้งการขยายธุรกิจเคเบิ้ลบรอดแบนด์สู่ทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ด้านคอนเวอร์เจนซ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างสูงให้กับลูกค้าและการรักษาความเป็นผู้นำทั้งตลาดบรอดแบนด์ เคเบิ้ลทีวี และธุรกิจ 3G ไว้ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของธุรกิจโมบายล์ที่ข้ามผ่านยุคสัมปทาน 2G สู่ใบอนุญาต 3G ตลอดจนความชัดเจนของการเป็นผู้นำ 4G LTE รายแรกในไทย และในวันนี้กลุ่มทรูมีความพร้อมในการสร้างความแข็งแกร่งโดยการเลือกไชน่าโมบายล์เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ที่จะช่วยสร้างศักยภาพในการแข่งขัน ตลอดจนการปรับฐานการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นพร้อมต่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  การร่วมลงทุนครั้งนี้จะช่วยลดระดับหนี้โดยรวมของบริษัท และเสริมความแข็งแกร่งให้ทุนของบริษัท อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกลุ่มทรูที่จะพลิกโฉมเป็นองค์กรที่สร้างกำไร และมีรากฐานที่แข็งแกร่งพร้อมก้าวสู่การแข่งขันระดับภูมิภาค

“ไชน่าโมบายล์เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของโลก ด้วยฐานลูกค้าที่มากที่สุดในโลกเกือบ 800 ล้านราย และเครือข่ายการสื่อสารเคลื่อนที่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกงและนิวยอร์ค  และเมื่อปี 2556 ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน FT Global 500 และ Forbes 2,000 บริษัทชั้นนำ และได้รับเลือกเป็น composite stock ของ Dow Jones Sustainability Emerging Market Index รวมทั้งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ AA3 โดย Moody’s Investor Service และ AA- โดย Standard & Poor’sเท่ากับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ซึ่งออกโดยรัฐบาลจีน  ซึ่งการเป็นพันธมิตรร่วมทุนกับไชน่า โมบายล์ ในครั้งนี้  เป็นการขยายการลงทุนในภาคพื้นเอเชียเพื่อรองรับการเปิด AEC แล้ว และยังแสดงถึงความเชื่อมั่นที่ต่างประเทศมีต่อเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศไทยอีกด้วย” นายศุภชัย กล่าว

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น  กล่าวว่า “การเข้ามาของพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ครั้งนี้ เป็นการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินครั้งสำคัญของกลุ่มทรู โดยไชน่า โมบายล์จะสนับสนุนเงินทุนให้บริษัทผ่านการจัดสรรหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) มูลค่าประมาณ 28,600 ล้านบาท และในขณะเดียวกัน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นเดิมได้มีสิทธิในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในก้าวสำคัญของกลุ่มทรูที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ บริษัทก็จะดำเนินการเพิ่มทุนอีกประมาณ 36,400 ล้านบาท  โดยการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)   จำนวน  5,648,285,818  หุ้น  โดยให้สิทธิผู้ถือหุ้นปัจจุบัน มีสิทธิจองซื้อหุ้นใหม่ในอัตราส่วน 2.5725 หุ้นสามัญเดิมต่อ1 หุ้นใหม่ (2.5725 : 1)  ในราคาหุ้นละ 6.45 บาท  ซึ่งเป็นราคาเดียวกันกับราคาที่ไชน่าโมบายล์เข้าซื้อหุ้นในการจัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง  ทั้งนี้ แผนการเพิ่มทุนครั้งสำคัญนี้ ต้องได้รับมติเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคม  2557  บริษัทมั่นใจว่า การเพิ่มทุนโดยการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและ ไชน่าโมบายล์ มูลค่ารวมกว่า 65,000 ล้านบาทในครั้งนี้จะเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของกลุ่มทรู ซึ่งจะทำให้กลุ่มทรูมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและเสริมศักยภาพในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ซึ่งในที่สุดแล้วทั้งผู้ถือหุ้นและลูกค้าของกลุ่มทรู จะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากแผนการเพิ่มทุนในครั้งนี้อย่างเต็มที่”