DON JON (ดอน จอน) เซ็กซี่-คอเมดี้ 28 พฤศจิกายน 2556 ในโรงภาพยนตร์


จุดเด่นภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้หนุ่มโจเซฟ  กอร์ดอน เลวิตต์ (Joseph Gordon-Levitt)  ทั้งลงมือเขียนบท กำกับ และเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องนี้ แถมยังขนเอาเหล่าเพื่อนพ้องในวงการมาร่วมแสดง อาทิ  สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน (Scarlett Johansson) , จูลีแอน มัวร์ (Julianne Moore) และเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกในรอบ 20 ปีหลังจากที่เคยร่วมงานกันมารก่อนหน้านี้ ของ โทนี แดนซ่า (Tony Danza) และ โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ (Joseph Gordon-Levitt)

 

เรื่องย่อ

Don Jon เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ จอน มาเตลโล ชายหนุ่มที่ดูดีไปทุกกระเบียดนิ้ว เขามีหน้าตาอันหล่อเหลา และรูปร่างสูงใหญ่มัดใจสาว ๆ ซึ่งเพื่อนของเขาตั้งฉายาให้ว่า ดอน ฮวน ตามชื่อของนักรักชื่อก้องโลกที่หลายคนรู้จักกันดี จากการที่เขาควงสาวสวยไม่ซ้ำหน้าอยู่เสมอ แต่ที่จริงแล้วความสุขของจอนกลับมาจากการแอบดูหนังโป๊เงียบ ๆ คนเดียว ยิ่งกว่าการได้อยู่กับสาวสวยเสียอีก

ส่วน  บาร์บาร่า ชูการ์แมน เป็นสาวสวยหัวโบราณที่รักการดูหนังรักหวานแหววเป็นที่สุด ความฝันอันสูงสุดของเธอคือการได้เจอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาเป็นคู่ชีวิตของเธอ  เพื่อให้เธอได้มีความรักสุดโรแมนติกหวานแหววแบบในหนังรักที่เธอชอบดูบ้าง  และจากความต่างกันสุดขั้วนี้เอง ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของ จอนและบาร์บาร่า กลายเป็นสิ่งท้าทาย จนต้องค่อย ๆ พิสูจน์รักแท้ไปด้วยกัน

 

บทสัมภาษณ์ผู้กำกับ vs มือเขียนบท vs นักแสดงนำ… โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์

 

Q:         อะไรเป็นสิ่งผลักดันให้คุณเขียนเรื่อง Don Jon นี้ขึ้นมา

A:         ผมอยากจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการที่คนมองเห็นคนอื่นเป็นวัตถุ ทำไมน่ะหรือ? อาจจะเป็นเพราะว่าผมเป็นนักแสดงมาชั่วชีวิตและวัฒนธรรมของเราก็มีแนวโน้มแปลกๆ ในการจะมองคนในหนังหรือโทรทัศน์เป็นวัตถุน่ะสิครับ หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่าผมเติบโตมากับแนวคิดที่แม่ผมต่อสู้เพื่อมันในการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีในยุค 60s หรือ 70s หรือบางที มันอาจเป็นเพราะผมสนใจลักษณะความผูกพันกันของคนเรา หรือในกรณีนี้ การที่เราไม่อาจจะผูกพันกันได้ ในตอนที่ผมนึกถึงตัวอย่างของคนที่มองคนอื่นเป็นวัตถุ ผมก็รู้สึกว่าภาพของผู้ชายที่นั่งดูหนังโป๊ตรงหน้าคอมพิวเตอร์เป็นภาพเปรียบเทียบที่เพอร์เฟ็กต์เลย ผู้หญิงบนหน้าจอเป็นเพียงแค่วัตถุสำหรับเขา มันไม่มีความเชื่อมโยงผูกพันใดๆ เลย แล้วนักแสดงในตัวผมก็เข้าครอบงำผม ทำให้ผมเริ่มนึกถึงว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นใครได้ ทำไมเขาถึงต้องดูหนังโป๊ เพราะเขาหาสาวไม่ได้เหรอ? ไม่ใช่หรอก มันคงไม่เวิร์คแน่ ถ้าเขาแค่เหงา แล้วถ้าเขาเป็นคนที่จีบสาวติดประจำ แต่ก็ยังรู้สึกหลงใหลการดูหนังโป๊ ซึ่งเป็นปฏิสัมพันธ์ทางเดียวล่ะ มันดูเหมือนจะเป็นการดึงเอาธีมของการมองคนเป็นวัตถุออกมาได้จริงๆ ครับ

ผมก็เลยเริ่มนึกถึงพวก “เสือผู้หญิง” ทั้งหลาย ซึ่งไม่นานนักผมก็เจอกับเรื่องของดอนฮวน ตัวละครที่โด่งดัง เรื่องราวคลาสสิกของดอนฮวนมักจะเป็นโศกนาฏกรรมที่ตัวเอกไม่เคยเรียนรู้อะไรเลยและท้ายที่สุด ชีวิตเขาก็ต้องพังทลายเพราะสันดานของเขา แต่ผมชอบเรื่องราวทีมีสมดุลระหว่างความมืดและแสงสว่างและผมก็อยากให้หนังเรื่องนี้มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ผมอยากให้มันมีความหวัง ผมก็เลยตัดสินใจทำให้มันออกมาเป็นคอเมดีมากกว่า แน่นอนว่ามันเป็นคอเมดีตลกร้าย และก็ใช่ที่ว่าตัวละครของผมเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างน่ารังเกียจในตอนแรกที่เราพบเขา แต่ในตอนท้ายเรื่อง ผมคิดว่าผู้ชมจะรู้สึกถึงการเริ่มต้นกลับตัวกลับใจของจอนครับ

ท้ายที่สุดแล้ว DON JON ก็ไม่เพียงแต่เป็นหนังเกี่ยวกับการที่คนเรามองคนอื่นเป็นวัตถุเท่านั้น แต่มันยังเป็นเรื่องของการที่เราสร้างสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างไรด้วย ในแง่นั้น ผมว่ามันเป็นเรื่องรักครับ เพียงแต่เป็นเรื่องรักที่ชุลมุนชุลเกอยู่ซักหน่อย

 

Q:         กระบวนการเขียนงานของคุณเป็นอย่างไรบ้าง

A:         ผมคิดว่าผมมีไอเดียเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ไอเดียต่างๆ วนเวียนอยู่ในหัวผมมาหลายปีแล้ว ผมจะทำการระดมสมองและเขียนข้อสังเกตเอาไว้ แต่เป็นในแวนคูเวอร์ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายทำเรื่อง 50/50 ที่ผมเริ่มปิ๊งไอเดียเกี่ยวกับการใช้โทนคอเมดีและเริ่มนึกภาพจอนว่าเป็นชายอีสต์โคสต์ ที่มีกล้ามมัดใหญ่ และผมเขาใส่เจลจนเยิ้มน่ะครับ

ประมาณหกเดือนให้หลัง ระหว่างที่ผมกำลังทำงานให้กับเดฟ โคเอปป์ มือเขียนบทผู้ชาญฉลาดในPREMIUM RUSH ผมก็เริ่มเขียนมันให้อยู่ในรูปแบบของบทหนัง ผมไม่เคยทำเหมือนกับว่ามันเป็นงาน แต่มันเป็นความชื่นชอบที่ผมทำในตอนที่ผมมีเวลาว่าง มันใช้เวลาประมาณหนึ่งปีครับ ผมอยู่ในลอนดอนเพื่อถ่ายทำ THE DARK KNIGHT RISES ในตอนที่ผมเขียนดราฟท์แรกเสร็จ

 

Q:         ความท้าทายในการแสดงบทนี้

A:         หลังจากที่ได้เขียนบทนี้แล้ว ผมก็มีเวลาในการเตรียมตัวสำหรับบทนี้มากกว่าที่ผมเคยผ่านมาก่อน ดังนั้น พอถึงเวลาถ่ายทำ การแสดงก็กลายเป็นเรื่องค่อนข้างง่ายครับ ผมคิดว่าความท้าทายที่แปลกประหลาดที่สุดสำหรับตัวละครตัวนี้คือความท้าทายเชิงกายภาพ เพราะจอนเป็นคนหลงตัวเองที่ภาคภูมิใจกับกล้ามของเขา โดยส่วนตัวแล้ว ผมชื่นชอบการออกกำลังกายในทุกครั้งที่ทำได้ แต่ผมไม่ค่อยชื่นชอบการยกเหล็กซักเท่าไหร่ หกเดือนก่อนการถ่ายทำ ผมไปฟิตเนสสัปดาห์ละห้าวัน กินไก่จำนวนมหาศาล แล้วเพิ่มกล้ามเนื้อให้ตัวเองอีกสิบสองปอนด์ บางครั้ง คนก็ถามผมว่าผมจะทำแบบเดิมมั้ยหลังจากที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว…แน่นอนว่าไม่ครับ

 

Q:         สการ์เล็ตต์ โยฮันสันเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร

A:         ตลอดเวลาที่ผมเขียนถึงตัวละคร บาร์บารา ซูการ์แมน ผมนึกถึงสการ์เล็ตต์ในบทนี้เสมอ ผมไม่เคยนึกถึงคนอื่นเลย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแสดงตลก “แชนดีเลียร์ส” ที่น่าขบขันของเธอในรายการ SNL และส่วนหนึ่งก็เพราะผมชื่นชมการแสดงของเธอในหนังหลายๆ เรื่องเช่น LOST IN TRANSLATION, VICKY CHRISTINA BARCELONA หรือแม้กระทั่ง THE MAN WHO WASN’T THERE ตอนนั้น เราไม่รู้จักกันเลย แต่ผมอยากจะคุยกับเธอถึงบทหนังเรื่องนี้ก่อนที่เธอจะได้อ่านมัน ผมก็เลยบินไปที่อัลบูเคอร์คีที่เธอกำลังถ่ายทำ THE AVENGERS อยู่ เราคุยกันนานเกี่ยวกับผู้ชาย ผู้หญิง ความรัก ความใคร่ ความเชื่อมโยง และการมองคนอื่นเป็นวัตถุ หนังโป๊ และหนังรักฮอลลีวูด ครอบครัว ศาสนา ภาพลักษณ์ทางกาย ทุกเรื่องเลยครับ ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ได้อ่านบท และโชคดีที่เธอชอบมัน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงดีถ้าเธอไม่ชอบมันน่ะครับ

 

ประวัตินักแสดงและผู้กำกับ 

©     Joseph Gordon-Levitt (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์)  ผู้กำกับ/ เขียนบท / นักแสดงนำ

ปัจจุบัน โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์กำลังอยู่ระหว่างการแสดงในภาพยนตร์ชื่อดังโดยสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่อง LINCOLN ที่เขารับบท “โรเบิร์ต ท็อดด์ ลินคอล์น” ประกบ “อับราฮัม ลินคอล์น” ที่รับบทโดยแดเนียล เดย์ ลูอิส เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้แสดงใน LOOPER ที่ทำให้เขาได้ร่วมงานกับไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับจาก BRICK อีกครั้ง และเขาก็ได้แสดงประกบบรูซ วิลลิสและเอมิลี บลันท์ในเรื่องนี้ด้วย หลังจากนี้ เขาจะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง SIN CITY: A DAME TO KILL FOR ที่ร่วมกำกับโดยโรเบิร์ต โรดริเกซและแฟรงค์ มิลเลอร์ ซึ่งกอร์ดอน-เลวิทท์ รับบท ‘จอห์นนี’ ตัวละครใหม่ที่แฟรงค์ มิลเลอร์เขียนมาเพื่อเขาเป็นพิเศษ

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ THE DARK KNIGHT RISES ภาคสาม ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ Batman โดยคริสโตเฟอร์ โนแลน (ได้รับการเสนอชื่อชิงพีเพิลส์ ชอยส์ อวอร์ดสาขานักแสดงชายยอดนิยม), PREMIUM RUSH ที่กำกับโดยเดวิด โคเอปป์, 50/50 ที่กำกับโดยโจนาธาน เลอวินและร่วมแสดงโดยเซธ โรแกน, แอนนา เคนดริคและไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, แอ็กชันดรามาที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดโดยคริสโตเฟอร์ โนแลนเรื่อง INCEPTION ที่ร่วมแสดงโดยลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, มาริยง คอติยาร์ดและเอลเลน เพจ, INCEPTION ที่กำกับโดยสเปนเซอร์ ซุสเซอร์ ร่วมแสดงโดยนาตาลี พอร์ทแมนและเรนน์ วิลสัน, ภาพยนตร์โดยมาร์ค เว็บบ์เรื่อง 500 DAYS OF SUMMER ที่ร่วมแสดงโดยโซอี้ เดสชาแนล และทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดและพีเพิลส์ ชอยส์ อวอร์ด นอกเหนือจากนั้น เขายังได้รับเสียงชื่นชมในวงกว้างจากการแสดงของเขาในภาพยนตร์อินดีหลายเรื่องเช่นภาพยนตร์เปิดตัวที่ได้รับรางวัลโดยไรอัน จอห์นสันเรื่อง BRICK, MYSTERIOUS SKIN สำหรับมือเขียนบท/ผู้กำกับเกร็ก อารากิและ MANIC ที่ทำให้เขาได้ร่วมงานกับโซอี้ เดสชาแนลเป็นครั้งแรกและร่วมแสดงโดยดอน ชีเดิ้ล

นอกจากนี้ กอร์ดอน-เลวิทท์ยังเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมจอแก้วจากการแสดงนำในซีรีส์คอเมดีรางวัลทางเอ็นบีซีเรื่อง 3RD ROCK FROM THE SUN ระหว่างหกซีซันที่เขาแสดงในซีรีส์นี้ เขาได้รับสองรางวัลยังค์สตาร์ อวอร์ดและได้ร่วมรับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลแซ็ก อวอร์ดสาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอเมดีอีกด้วย หลังจากซีรีส์นี้ กอร์ดอน-เลวิทท์ก็พักงานแสดงชั่วคราวเพื่อเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

©    Scarlett Johansson (สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) รับบท Barbara  (บาร์บาร่า)

สการ์เล็ตต์ โยฮันสัน เจ้าของรางวัลบาฟตา ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสี่รางวัลลูกโลกทองคำ พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มากความสามารถที่สุดของฮอลลีวูด นอกจากนี้ เธอยังได้รับรางวัลโทนีจากการแสดงเปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ในละครโดยอาร์เธอร์ มิลเลอร์เรื่อง A View from a Bridge ประกบลีฟ ชไรเบอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้แสดงในภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมถล่มทลายในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกเรื่อง THE AVENGERS เมื่อเร็วๆ นี้ เธอเพิ่งปิดกล้องภาพยนตร์อินดีเรื่อง  UNDER THE SKIN สำหรับผู้กำกับโจนาธาน เกลเซอร์ SEXY BEAST) และรับบท “เจเน็ท ลีห์” ในภาพยนตร์ใหม่เรื่อง HITCHCOCK นอกเหนือจากนั้น โยฮันสันยังจะได้รับบท “แม็กกี้” ใน Cat on a Hot Tin Roof ที่จะเปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ในวันที่ 17 มกราคม ปี 2013 อีกด้วย โยฮันสันได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลามและได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิสจากการแสดงประกบบิล เมอร์เรย์ใน LOST IN TRANSLATION ผลงานเรื่องที่สองที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมของผู้กำกับโซเฟีย คอปโปลา

เมื่ออายุได้ 12 ปี เธอได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกจากการแสดงของเธอในบท “เกรซ แม็คลีน” เด็กสาวที่ได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจจากอุบัติเหตุในการขี่ม้าในภาพยนตร์โดยโรเบิร์ต เรดฟอร์ดเรื่อง THE HORSE WHISPERER หลังจากนั้น เธอก็ได้แสดงในภาพยนตร์โดยเทอร์รี ซวิกออฟเรื่อง GHOST WORLD ที่ทำให้เธอได้รับรางวัล “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” จากสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์โตรอนโต นอกจากนี้ เธอยังได้แสดงประกบบิลลี บ็อบ ธอร์นตันและฟรานซิส แม็คดอร์มานในดรามามืดหม่นโดยพี่น้องโคเอนเรื่อง THE MAN WHO WASN’T THERE อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่ WE BOUGHT A ZOO สำหรับคาเมรอน โครว์, ภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง IRON MAN 2, ภาพยนตร์โดยพี่น้องไวซ์เรื่อง IN GOOD COMPANY รวมถึงประกบจอห์น ทราโวลตาเรื่อง A LOVE SONG FOR BOBBY LONG ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ (ครั้งที่สามในรอบสองปี) และภาพยนตร์โดยวู้ดดี้ อัลเลนเรื่อง MATCH POINT ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่สี่ในรอบสามปี ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอยังรวมถึง HE’S JUST NOT THAT INTO YOU, VICKY CRISTINA BARCELONA, THE OTHER BOLEYN GIRL, THE SPIRIT, GIRL WITH A PEARL EARRING ประกบโคลิน เฟิร์ธ, THE ISLAND ประกบยวน แม็คเกรเกอร์, ภาพยนตร์โดยไบรอัน เดอพัลมาเรื่อง THE BLACK DAHLIA, ภาพยนตร์โดยคริสโตเฟอร์ โนแลนเรื่อง THE PRESTIGE และ THE NANNY DIARIES

ผลงานเรื่องอื่นๆ ของเธอยังรวมถึงคอเมดีโดยร็อบ ไรเนอร์เรื่อง NORTH, ทริลเลอร์เรื่อง JUST CAUSE ประกบฌอน คอนเนรีและลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์นและบทแจ้งเกิดตอนอายุ 10 ขวบในภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง MANNY & LO ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดสาขา “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม”

โยฮันสันเป็นชาวนิวยอร์ก เธอเปิดตัวในฐานะนักแสดงอาชีพตั้งแต่อายุแปดขวบในละครออฟบรอดเวย์เรื่อง Sophistry ประกบอีธาน ฮอว์ค ในโรงละครเพลย์ไรท์ ฮอไรซันส์ในนิวยอร์ก

 

©    Julianne Moore (จูลีแอน มัวร์ ) รับบท Esther (อีสเธอร์)

ล่าสุด จูลีแอนน์ มัวร์ได้แสดงบทผู้ว่าการรัฐอลาสก้า “ซาราห์ พาลิน” ในภาพยนตร์ออริจินอลรางวัลเอ็มมีทางเอชบีโอเรื่อง GAME CHANGE การแสดงของเธอทำให้เธอได้รับรางวัลเอ็มมี อวอร์ดสาขา “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในมินิซีรีส์หรือภาพยนตร์” หลังจากนี้ เธอจะได้แสดงในภาพยนตร์ที่รีเมกจากภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกที่หลายคนรอคอยของคิมเบอร์ลี เพียร์ซเรื่อง CARRIE โดยเธอจะรับบท “มาร์กาเร็ต ไวท์” ในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มีกำหนดเข้าฉายในเดือนมีนาคม ปี 2013 เอ็มจีเอ็ม สตูดิโอส์ จะจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ในอเมริกา ปัจจุบัน เธอกำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ NON STOP แอ็กชันทริลเลอร์ที่กำกับโดยโจม คอลเล็ท-เซอร์รา

นอกจากนี้ เธอยังเพิ่งเสร็จจากการแสดงประกบเจฟฟ์ บริดเจสในภาพยนตร์แฟนตาซีผจญภัยยิ่งใหญ่ THE SEVENTH SON ให้กับวอร์เนอร์ บราเธอร์ส รวมถึงภาพยนตร์อินดีอีกสองเรื่อง เธอได้ปรากฏตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตเพื่อสนับสนุนภาพยนตร์โดยสก็อต แม็คเกฮีและเดวิด ซีเกลเรื่อง WHAT MAISIE KNEW ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของเฮนรี เจมส์ ซึ่งเธอแสดงประกบสตีฟ คูแกนและอเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด และเธอก็ได้รับบทครูที่ไม่คาดคิดของโจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์ในผลงานการกำกับเรื่องแรกของเขา DON JON’S ADDICTION

มัวร์เป็นหนึ่งในเก้าคนในประวัติศาสตร์อคาเดมี ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์สองรางวัลในปีเดียวกัน จากการแสดงใน FAR FROM HEAVEN (ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม) และ THE HOURS (ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม) หลังจากที่ได้รับรางวัลนักวิจารณ์หลายสถาบันรวมถึงได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็กและรางวัลสื่อต่างประเทศฮอลลีวูดจากทั้งสองเรื่อง ผลงานภาพยนตร์มากมายของมัวร์ ผู้เป็นที่รู้จักจากความหลากหลายของผลงาน รวมถึงทั้งคอเมดี ดรามา บล็อกบัสเตอร์และภาพยนตร์อาร์ตเฮาส์ เมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้แสดงในภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดีหลากวัย CRAZY, STUPID, LOVE ประกบสตีฟ คาร์เรล, ไรอัน กอสลิงและเอ็มมา สโตนและได้รับการเสนอชื่อชิงลูกโลกทองคำและบาฟตาจากการแสดงนำของเธอภาพยนตร์โดยลิซา โชโลเดนโกเรื่อง THE KIDS ARE ALL RIGHT ประกบแอนเน็ตต์ เบนนิงและมาร์ค รัฟฟาโล

นอกจากนี้ เธอเป็นผู้เขียนซีรีส์หนังสือสำหรับเด็กที่ประสบความสำเร็จเรื่อง Freckleface Strawberry และ  Freckleface Strawberry And The Dodgeball Bully อีกด้วย ส่วนเล่มที่สาม Freckleface Strawberry Best Friends Forever เพิ่งวางแผงในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ นอกเหนือจากนั้น ยังมีการจัดแสดงมิวสิคัลออฟบรอดเวย์ที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือเรื่องนี้ด้วย

©    Tony Danza (โทนี แดนซ่า) รับบท Jon Sr.(พ่อของจอน)

โทนี แดนซา ผู้อาจเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการแสดงนำในซีรีส์ที่แพร่ภาพยาวนานและเป็นที่รักมากที่สุดหลายเรื่องซึ่งรวมถึง TAXI (1978-1983) และ WHO’S THE BOSS (1984-1992) ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะนักแสดงจอเงินและละครเวที และเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของอเมริกาอย่างไร้ข้อกังขา

แดนซาเกิดและเติบโตในบรู๊คลิน เขาได้รับทุนมวยปล้ำให้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยดูบูควีในไอโอวา ที่ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาการศึกษาประวัติศาสตร์ แดนซา ผู้ถูกค้นพบที่ค่ายมวยในนิวอร์ก ได้รับเลือกให้ร่วมแสดงในซีรีส์ดังทางเอบีซีเรื่อง TAXI ซึ่งทำให้เขาได้รับการจารึกชื่อในประวัติศาสตร์จอแก้ว หลังจาก TAXI เขาก็ได้แสดงนำในซีรีส์คอเมดีคลาสสิกทางเอบีซีเรื่อง WHO’S THE BOSS? ซึ่งแพร่ภาพแปดซีซัน ท้ายที่สุด แดนซาก็ได้สำรวจความรักที่มีต่อละครเวทีของตัวเอง และผลงานละครเวทีมากมายของเขาก็รวมถึงบทบาทที่น่าตื่นเต้นของเขาในละครมิวสิคัลบรอดเวย์ยอดนิยมโดยเมล บรู๊คส์เรื่อง The Producers ที่เขารับบท “แม็กซ์ เบลีสต็อค” (2006-2007) และเขาก็กลับมารับบทนี้อีกครั้งในโปรดักชันของลาสเวกัส ที่เปิดการแสดงที่ปารีส ลาสเวกัส (2007)

การแสดงละครเวทีเรื่องแรกของเขาใน Wrong Turn At Lungfish (1993) ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอาเตอร์ คริติกส์ เซอร์เคิล อวอร์ด ผลงานละครเวทีเรื่องอื่นๆ ของเขารวมถึงละครดังเรื่อง The Iceman Cometh ประกบเควิน สเปซีย์, ละครรางวัลโทนีโดยอาร์เธอร์ มิลเลอร์เรื่อง A View From The Bridge และ I Remember You

ล่าสุด มีการประกาศว่าสถานีเอบีซีกำลังพัฒนาซิทคอมที่ชื่อ THE GUYS ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นการหวนคืนสู่รายการคอเมดีครึ่งชั่วโมงและเอบีซีของแดนซาอีกครั้ง โปรเจ็กต์นี้จะควบคุมงานสร้างโดยแดนซา, ผู้จัดการของเขา แดน ฟาราห์, วินซ์ วอห์น, ปีเตอร์ บิลลิงส์ลีย์และมือเขียนบท เดวิด ริชาร์ดสันและเอียน เกอร์วิทซ์

ผลงานจอเงินเรื่องถัดไปของแดนซา ที่เขาได้รับบทพ่อของโจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์ในผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของกอร์ดอน-เลวิทท์ ที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงเรื่อง DON JON  ได้เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ในเดือนมกราคม ปี 2013 ผลงานภาพยนตร์ของเขารวมถึงการแสดงในภาพยนตร์วอลท์ ดิสนีย์เรื่อง ANGELS IN THE OUTFIELD, SHE’S OUT OF CONTROL, THE HOLLYWOOD KNIGHTS และ A BROOKLYN STATE OF MIND

เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งได้รับบทบาทที่ท้าทายที่สุดและน่าพึงพอใจที่สุด นั่นคือการสอนภาษาอังกฤษให้เด็กเกรดสิบที่โรงเรียนนอร์ธอีสต์ ไฮสคูลในฟิลาเดลเฟีย ประสบการณ์ที่น่าทึ่งของเขาในการทำหน้าที่ครูจริงๆ ได้รับการบันทึกเทปและออกอากาศทางเอแอนด์อี ในซีรีส์สารคดีเจ็ดตอนที่โด่งดังในชื่อ TEACH ประสบการณ์การสอนครั้งนั้นทำให้แดนซาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบบุคคลสร้างแรงบันดาลใจแห่งปี 2011 ที่อายุเกิน 50 โดยเอเออาร์พี