บทสัมภาษณ์ ยวน แม็คเกรเกอร์ นักแสดงนำจาก The Impossible

The Impossible ถ่ายทอดโศกนาฏกรรมทางธรรมชาติ ที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 สร้างจากเหตุการณ์จริงของครอบครัวหนึ่ง ประกอบไปด้วย มาเรีย (นาโอมิ วัตตส์), เฮนรี่ (ยวน แม็คเกรเกอร์) และลูกชายทั้งสามคน ที่เดินทางมาพักผ่อนชายทะเลในเมืองไทย แต่เช้าวันที่ 26 หลังคืนวันคริสต์มาส สวรรค์บนดินก็แปรเปลี่ยนเป็นฝันร้าย เมื่อคลื่นยักษ์สูงเท่าตึกสามชั้น พุ่งเข้าถล่มทุกสิ่งทุกอย่างแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ทุกคนในครอบครัวต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ความเป็นความตายนี้

อะไรคือสิ่งที่ดึงดูดคุณเข้ามาแสดงใน The Impossible
สิ่งที่ดึงดูดผมเข้ามาก็คือเรื่องราวที่สมจริงและโหดร้าย มันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ ที่คนหลายแสนต้องสูญเสียชีวิตในเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ซึ่งการต้องเป็นผู้เล่าเรื่องนั้นทำให้ผมรู้สึกกังวล กลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่เรื่องราวต้องการจะเล่า นั่นก็คือการถ่ายทอดความรักของครอบครัว จิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์ และสิ่งที่คอยกระตุ้นให้เราไม่ยอมหยุดหายใจ

และอีกประการหนึ่งก็คือผมเป็นพ่อคนมา 15 ปี มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับบทเป็นพ่อ  และมันก็มีบทพูดอยู่บทหนึ่งที่ ลูคัส ลูกชายของผมในเรื่อง ที่หลงอยู่กับแม่เพียงลำพังหลังเหตุการณืสึนามิ เขาพูดว่า “แม่ครับ ผมจะไม่ยอมให้แม่อยู่ในสภาพนี้อีกแล้ว” สิ่งนี้มันกระแทกใจและทำให้ผมรู้สึกจุกอกขึ้นมาทันที

ช่วยพูดถึงการทำงานร่วมงาน ฮวน อันโตนิโอ บาโยน่า หน่อย
ฮวน เป็นผู้กำกับหนุ่มไฟแรง มันเป็นภาระอันใหญ่หลวงของเขาในการถ่ายทอดหนังที่มีความสำคัญแบบนี้ แต่เขาบอกกับพวกเราตั้งแต่แรกว่าไม่ต้องการที่สร้างหนังหายนะบล็อคบัสเตอร์ทั่วไป เพราะเขาอยากทำให้มันมีความสำคัญกว่านั้น เขาต้องการทำให้คนดูห่วงใยและอยากเอาใจช่วยครอบครัวนี้ นอกจากนั้น ฮวน ก็ยังเอาใจใส่ในความสมจริง เขาต้องการใช้น้ำจริงๆ โดยนอกจากที่พวกเราต้องมาถ่ายทำในสถานที่จริงที่ประเทศไทย เราก็ยังต้องถ่ายทำในแท็งค์น้ำขนาดมหึมาที่อลิคานเต้ ในสเปนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาโอมิ และเด็กหนุ่มที่รับบทเป็นลูกชายคนโต พวกเขาต้องใช้เวลากว่า 6 อาทิตย์ภายในน้ำ มันเป็นอะไรที่ลำบากมาก

ดูเหมือนว่าคุณเข้ามาถ่ายทำในโรงแรมที่เกิดเหตุจริงๆด้วย ช่วยเล่าความรู้สึกหน่อย
ใช่ครับ พวกเราไปถ่ายทำในโรงแรมจริงที่ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ พวกเรายืนอยู่ตำแหน่งเดียวกับพวกเขาตรงสระน้ำในโรงแรม ในวินาทีที่คลื่นยักษ์ซัดเข้ามา ซึ่งตอนที่เราถ่ายทำก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ครอบครัวจริงมาเยี่ยมกองถ่ายพอดี พวกเขาไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สึนามิ มันเป็นประสบการณ์ที่กินใจและมีอารมณ์ร่วม และทำให้ผมอยากถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขาให้เที่ยงตรงมากที่สุด

คุณช่วยเล่าถึงประสบการณ์โดยรวมในการเข้ามาถ่ายทำในภูเก็ตหน่อย
คุณรู้ไหม ผมยืนอยู่หน้าหาดที่งดงามที่สุด และผมก็ไม่เคยนึกเลยว่าที่นี่เคยมีคนเสียชีวิตอยู่นับพัน ตั้งแต่ผมมาถ่ายทำที่นี่ ผมก็พบกับผู้อยู่ในเหตุการณ์ ที่สูญเสียคนในครอบครัวมากมาย แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็คือทุกคนยังมองโลกในแง่ดี ผมได้ทำความรู้จักกับคนไทยคนหนึ่ง ที่สูญเสียทุกคนในครอบครัวจากเหตุการณ์สึนามิ เขาเปิดบาร์ที่ชื่อว่า “ความทรงจำ” ผมชอบไปนั่งอยู่ที่นั้นทุกคืน บางอย่างอยู่ในหัวของคุณตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ทุกหนทุกแห่ง เวลาคุณว่ายน้ำคุณก็จะคิดว่าที่นี่มันเคยมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วที่นี่ก็ยังคงอยู่ มันเหมือนกับนิวยอร์คหลังเหตุการณ์ 9/11 คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงอยู่ และเราก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป

คุณมีผลงานบล็อคบัสเตอร์มามากมาย อย่างไตรภาค Star Wars แต่คุณเองก็ยังมีผลงานในหนังคุณภาพเล็กๆมากมายเช่นกัน คุณมีหลักการในการเลือกแสดงหนังยังไง
ผมชอบที่ผู้คนคิดว่าเส้นทางอาชีพของผมไม่สามารถคาดเดาได้ และผมก็คิดว่าหนังบล็อคบัสเตอร์ไม่มีพื้นที่ว่างในการเข้าไปสำรวจถึงความซับซ้อนของชีวิต เพราะพวกมันขับเคลื่อนด้วยนายทุน ถ้ามีใครบางคนลงทุน 300 ล้านเหรียญไปกับหนัง พวกเขาก็ต้องหวังว่ามันจะกลับคืนมาเป็นสองหรือสามเท่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการมีความเสี่ยงใดๆทั้งสิ้น มันจึงเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆในการทำหนังที่ส่งสารอะไรบางอย่าง โปรเจ็คขนาดกลางที่ขับเคลื่อนด้วยแรงใจ ผมดีใจที่ The Impossible เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทำสิ่งที่ต้องการ