แพทย์ผู้เชี่ยวชาญชี้ร้อยละ 30 ของเด็กไทยมีปัญหาพัฒนาการด้านภาษา แนะ 3 เคล็ดลับเพื่อพัฒนาการไม่สะดุด

เด็กพูดช้า สื่อสารไม่เป็น ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กำลังเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ ในเด็กไทย เหตุเกิดจากชีวิตที่เร่งรีบของพ่อแม่ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของลูก ส่งผลให้พัฒนาการของลูกน้อยสะดุดได้… วันนี้ มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการสมองและโภชนาการเด็กเล็ก ได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ มาให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการส่งเสริมพัฒนาการลูกในทุกๆนาที พร้อมชวนคุณแม่คนดัง คุณอุ้ย-สุทัศนีย์ ซอโสตถิกุล เตรียมความพร้อมให้ลูกน้อยสู่การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดในอนาคต

01 MJN_นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม หัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า “ปัจจุบันกลับพบว่าเด็กไทยกำลังมีปัญหาหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะปัญหาด้านทักษะภาษาซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากที่สุดในเด็กไทยถึงร้อยละ 20-30 สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพ่อแม่มีเวลาที่จะพูดคุยกับลูกอย่างมีคุณภาพน้อยลง ทั้งที่จริงแล้ว สมองเด็กเรียนรู้ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ สังเกตว่าคุณหมอจะแนะนำให้พ่อแม่ลูบท้องและพูดคุยกับลูกบ่อยๆ พอลูกคลอดออกมา แม้ลูกจะยังพูดไม่ได้ แต่เสียงร้องของลูกก็เป็นวิธีการสื่อสารอย่างหนึ่ง หากพ่อแม่พูดคุยกับลูกบ่อยๆ เด็กจะจดจำสิ่งที่พ่อแม่พูด คำศัพท์ น้ำเสียง และท่าทาง เมื่อถึงวัย ลูกก็จะสามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ในทางกลับกัน หากพ่อแม่ไม่มีเวลาคุยกับลูกหรือฝากคนอื่นดูแลซึ่งผู้ดูแลอาจจะไม่สามารถดูแลเด็กได้ตลอด จึงใช้วิธีเปิดทีวีหรือให้เล่นแท็บเล็ตทั้งวันซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว ส่งผลให้ลูกมีปัญหาพัฒนาการด้านภาษา เพราะเด็กรับฟังอย่างเดียวไม่ต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้ อีกปัญหาที่มีแนวโน้มจะพบมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ เด็กมีพัฒนาการล่าช้าไม่สมวัย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งพบมากขึ้นถึงร้อยละ 10-20 เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของพ่อแม่ในปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบจึงลงมือทำทุกอย่างให้ลูก ไม่ได้ปล่อยให้ลูกมีโอกาสทดลองทำเอง เช่น เด็กวัย 1  ขวบควรฝึกให้รับประทานอาหารเอง แต่บางครอบครัวพอเห็นลูกไม่ยอมทานหรือกลัวลูกทานเลอะเทอะก็จะป้อนให้ หรืออย่างเด็กวัย 3 ขวบที่พอจะแต่งตัวเองได้บ้าง แต่ไม่เคยฝึกให้ลูกทำ พอไปโรงเรียน เด็กก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ยิ่งมีการเปรียบเทียบว่าลูกทำไม่ได้เหมือนเพื่อน อาจส่งผลให้เด็กขาดความมั่นใจในตนเอง ส่งผลต่อการเรียนรู้ภายในห้องได้ หากเด็กมีปัญหาด้านภาษาและทักษะการช่วยเหลือตัวเองจะทำให้พัฒนาการของลูกสะดุด โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสังคมจนส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กในอนาคตด้วย เพราะทักษะเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ในด้านอื่นๆ”

06 MJN“วิธีการที่จะเสริมสร้างพัฒนาการลูกให้เหมาะสมกับวัยก็มีเคล็ดลับง่ายๆ 3 เรื่อง คือ 1. ให้ลูกได้รับโภชนาการที่ดี เริ่มได้ตั้งแต่ในครรภ์ เพราะโครงสร้างสมองและร่างกายสร้างตั้งแต่ในครรภ์ ดังนั้นคุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อสมอง เช่น ดีเอชเอ โคลีน ไอโอดีน โฟเลต ฯลฯ การที่เด็กได้รับโภชนาการที่ดีจะช่วยพัฒนาโครงสร้างของร่างกายและสมอง มีสุขภาพที่แข็งแรง เจ็บป่วยน้อยลง ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้ลูกสู่การเรียนรู้ด้านต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ในช่วงตั้งครรภ์จนถึงวัย 6 เดือนลูกควรได้รับสารอาหารผ่านน้ำนมแม่เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก หลังจากนั้นอาจให้ลูกรับประทานนมแม่ต่อร่วมกับอาหารเสริมตามวัย หรือให้นมผสมร่วมกับอาหารเสริมตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว 2. กระบวนการเรียนรู้ในชีวิตประจำวันและการเล่น เด็กๆ เรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวผ่านการเล่นและการลงมือทำ พ่อแม่จึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยสร้างพัฒนาการให้เกิดขึ้นตามช่วงวัย เช่น ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือนแรก เป็นช่วงที่พ่อแม่ต้องให้การตอบสนองที่ดีต่อลูก เช่น เมื่อลูกหิวต้องได้ทาน เมื่อลูกร้องต้องได้รับการกอดปลอบประโลม พออายุ 6 เดือน – 1 ปี สอนให้เด็กเริ่มเรียนรู้มากขึ้น รู้จักอดทนรอคอย เช่น พอหิวเห็นแม่กำลังเตรียมอาหาร ก็บอกให้รอ ช่วยฝึกวินัยให้กับลูก ช่วงอายุ 1-3 ปี ฝึกฝนทักษะต่างๆ ให้แก่ลูกผ่านการใช้ชีวิตประจำวันและการเล่น โดยพ่อแม่ควรเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยและบริบท เช่น ฝึกทักษะด้านภาษาผ่านการพูดคุย เล่านิทาน เพื่อให้ลูกจดจำคำศัพท์ หรือให้ลูกได้เล่นของเล่นเสริมพัฒนาการตามวัยตามความสามารถและความสนใจ เช่น โมบายล์สีสด ตัวต่อไม้ ฝึกแยกแยะสี ขนาด หาของที่ซ่อน นอกจากนี้ พ่อแม่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของลูกได้ ผ่านการชี้ชวนและการตั้งคำถามจากสิ่งต่างๆ รอบตัวที่ลูกพบเห็น เพื่อฝึกสังเกต คิดวิเคราะห์ วางแผน และแก้ไขปัญหา 3. การเรียนรู้ในโรงเรียน พ่อแม่มักจะคาดหวังว่าการเข้าโรงเรียนจะทำให้ลูกเก่งหรือฉลาดขึ้น แต่จริงๆ แล้ว พ่อแม่ควรฝึกทักษะและพัฒนาการของลูกตั้งแต่เล็กๆ เพราะการเรียนรู้ในโรงเรียนอนุบาลถือเป็นการต่อยอดการเรียนรู้จากที่บ้าน ที่สำคัญ ไม่มีโรงเรียนไหนดีหรือไม่ดี ขึ้นกับว่าโรงเรียนไหนเหมาะสมกับลูกเรา เด็กแต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เด็กบางคนอาจเหมาะสมกับโรงเรียนแบบบูรณาการ แต่บางคนอาจเหมาะสมกับโรงเรียนระบบวิชาการทั่วไป พ่อแม่ไม่ควรตามเทรนด์เกินไป แต่ควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ลูกเราจะได้รับ สำคัญที่สุด หากพ่อแม่สามารถเสริมทักษะและพัฒนาการขั้นพื้นฐานได้ตั้งแต่ที่บ้าน การเรียนรู้ที่โรงเรียนก็จะช่วยต่อยอดการเรียนรู้ของลูกได้ดียิ่งขึ้น” นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ อธิบาย


03 MJN_คุณสุทัศนีย์และน้องกาย
ด้านคุณแม่คนสวยอย่าง
คุณอุ้ย-สุทัศนีย์ ซอโสตถิกุล แชร์เคล็ดไม่ลับในการเตรียมความพร้อมให้น้องกาย เพื่อการเรียนรู้ไม่สิ้นสุดในอนาคต “เมื่อเร็วๆ นี้ อุ้ยได้มีโอกาสเข้าฟังเคล็ดลับการเลี้ยงลูกแบบ Non-Stop Learning ของเอนฟา เอพลัส ก็ได้ข้อคิดจากในงานว่าการเรียนรู้ของเด็กเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาขึ้นกับว่าพ่อแม่จะสร้างโอกาสการเรียนรู้ให้ลูกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการเลี้ยงลูกของอุ้ยที่จะไม่บังคับลูก แต่เราจะคอยสังเกตเขาว่าชอบอะไร ศักยภาพของเขาเป็นอย่างไร เมื่อลูกพร้อมที่จะพัฒนาทักษะด้านไหน เราก็จะสนับสนุนเขาในด้านนั้นด้วยการสร้างกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย อย่างตอนเด็กๆ น้องกายชอบปีนป่าย อุ้ยก็จะไปหาของเล่นที่ช่วยฝึกด้านการเคลื่อนไหว ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งก็จะปลอดภัยกว่าให้เขาปีนป่ายตามโต๊ะ เก้าอี้ บันได ตอนนี้น้องกายชอบอ่านหนังสือมาก ดังนั้นอุ้ยก็จะส่งเสริมด้านการฟังและการอ่าน ยิ่งเด็กในวัยนี้ไม่ใช่เรียนรู้จากตัวหนังสือแต่เรียนรู้ด้วยภาพ อุ้ยจะซื้อหนังสือ pop-up สนุกๆ หรือที่มีเสียงดนตรีมาคอยอ่านให้เขาฟัง บางครั้งเราก็หาตุ๊กตาผ้ามาเล่าเรื่องประกอบให้ลูกรู้จักเรื่องของสัมผัสเพิ่มเติม เล่าเรื่องด้วยโทนเสียงสูงต่ำ หรือบางครั้งอุ้ยก็จะฝึกให้เขาสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว คอยเล่าสิ่งที่เขาเห็นอยู่เสมอ อุ้ยเชื่อว่าการส่งเสริมพัฒนาการทางสมองของลูกที่ดีต้องฝึกฝนให้ลูกมีทักษะครบรอบด้าน ควบคู่กับการให้โภชนาการที่ดีแก่ลูก ทั้งการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอาจเสริมด้วยนมที่มีดีเอชเอ เพื่อเสริมการทำงานของสมอง เตรียมความพร้อมให้ลูกก่อนจะก้าวออกไปเผชิญโลกเพื่อสามารถต่อยอดการเรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุดต่อไปในอนาคต”   

05 MJN_คุณสุทัศนีย์และน้องกายสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เทคนิคสร้างทุกนาที สู่การเรียนรู้ไม่สิ้นสุด สามารถเยี่ยมชมได้ที่ nonstoplearning.enfababy.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และคำแนะนำในการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ของลูกน้อย ได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เอนฟา สมาร์ท คลับโทร 02-725-8700