“เบน ยังเกอร์” ลุยโปรเจค “Bleed For This คนระห่ำหมัดหยุดโลก” พลิกฝันชะตาแชมป์ที่โลกต้องตะลึง

หลังจากได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากนักวิจารณ์ทั่วโลก “ไมลส์ เทลเลอร์” นักแสดงที่เฉิดฉายจากภาพยนตร์ Whiplash ขอเปลี่ยนคาแรกเตอร์มารับบทนักมวยสุดดุดัน “วินนี่ ปาเซียนซ่า”  ใน “คนระห่ำหมัดหยุดโลก (Bleed For This)” โดยในเรื่องเล่าถึงชีวิตแชมป์มวย “วินนี่ ปาเซียนซ่า” ผู้ซึ่งได้รับฉายา “ปีศาจแพซมาเนียน” ประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ทำให้คอหักเกือบเสียชีวิต และหมอวินิจฉัยและลงความเห็นว่าเขาอาจจะไม่สามารถกลับมาเดินได้อีกเลย แต่เขาเลือกที่จะไม่ยอมรับโชคชะตา และพยายามออกกำลังเพียงเพื่อให้ได้คืนกลับสู่สังเวียน โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ “เบน ยังเกอร์” ทำหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบท ซึ่งได้เผยที่มาของการทำโปรเจคนี้ว่า

คนกลาง ผู้กำกับ“หลังจากที่โปรดิวเซอร์เล่าเรื่องของวินนี่ให้ฟัง ความคิดที่ว่าใครสักคนที่จะสามารถกลับมาสู่สังเวียนได้ แม้จะยากลำบาก มันคือสิ่งที่ทำให้ผมสนใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาให้คนได้เห็น ผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่าผมคงไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้ตัวเองกลับไปใช้ชีวิตปกติได้หลังจากต้องเจออุบัติเหตุแบบที่วินนี่เจอ ถ้าเป็นผมขอแค่รักษากระดูกสันหลังและให้สามารถกลับมาเดินได้ก็พอแล้ว ผมว่าแค่นั้นมันก็วิเศษแล้วสำหรับคนที่เจออุบัติเหตุร้ายแรงแบบนี้ แต่สำหรับวินนี่ เขาไม่ได้คิดเพียงแค่ให้กลับมาเดินได้เท่านั้น เขากลับดันทุรัง หันหน้าหนีโชคชะตา และเดินตามความฝันอีกครั้ง ในการทำงานผมเริ่มจากการไปสัมภาษณ์ วินนี่ ปาเซียนซ่าและคนรอบข้างเขา ซึ่งผมว่าถ้าผมจะเข้าใจเรื่องราวการต่อสู้บนสังเวียนให้ลึกซึ้ง ก็ควรเริ่มต้นจากผู้ที่คลุกคลีกับเรื่องเหล่านี้ ผมอยากได้ยินเรื่องราวที่พวกเขาเล่าให้ฟัง ซึ่งตัววินนี่เองก็เป็นคนที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจมาก ผมสนุกที่จะได้ยินเขาบอกว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

937bcb1e-3cd5-4f62-ac00-d0a7860d90bb“ผมว่ามันเป็นเรื่องบ้ามากกับสิ่งที่อยู่บนจอภาพยนตร์ แต่มันบ้ายิ่งกว่าที่เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับผมจริงๆ และผมก็รอดมาได้ เมื่อผมย้อนกลับไปมอง ผมกลับคิดว่า นี่ผมทำบ้าอะไรเนี่ย ออกกำลังกายทั้งๆ ที่มี น็อตฝังอยู่ในกะโหลก ออกกำลังกายทั้งๆ ที่แทบจะขยับคอไม่ได้เพราะคอหัก” วินนี่ ปาเซียนซ่า กล่าวเสริม

ร่วมพิสูจน์ความอดทน และการฝืนชะตาเพื่อการกลับสู่สังเวียนอย่างสง่างามของ “วินนี่ ปาเซียนซ่า” ในภาพยนตร์ “คนระห่ำหมัดหยุดโลก (Bleed For This)”  1 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์