“Fast & Furious เร็ว..แรงทะลุนรก 7″ 1 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

 ฉันไม่มีเพื่อน ฉันมีครอบครัว

2431_D016_00519R         คำเจ็ดคำนั้นกลายเป็นตัวแทนหัวใจสำคัญของแฟรนไชส์ Fast & Furious ได้เป็นอย่างดี ทั้งสำหรับเหล่าตัวละครผู้รักกันแน่นแฟ้นบนหน้าจอและทีมนักแสดง ทีมผู้สร้างและทีมงาน ที่เริ่มผูกพันกันราวกับพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เจ็ดเรื่องมาด้วยกัน ในตอนเริ่มต้น เมื่อ 15 ปีก่อน ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ถึงชะตากรรมของเรื่องราวเกี่ยวกับทีมนักซิ่งท้านรกในแอลเอตะวันออก ว่ามันจะก้าวไปเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและมีอายุยืนยาวที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาลได้

บัดนี้ Fast & Furious ได้มาถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จในตำนานที่ต่อเนื่องนี้แล้ว เพราะมันเป็น Fast & Furious ที่ดีที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา สำหรับทุกคนในครอบครัว Fast & Furious ทั้งผู้ที่อยู่หน้าจอ เบื้องหลังกล้องและผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของบรรดาแฟนๆ ของแฟรนไชส์นี้ที่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก เรื่องราวนี้พิเศษสุดจริงๆ

ในปี 2000 ภาพยนตร์ทุนสร้างต่ำเรื่องหนึ่งที่นำแสดงโดยนักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่เริ่มต้นการถ่ายทำ ภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์เรื่องนี้ ที่ส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจจากบทความในนิตยสารไวบ์เกี่ยวกับคลับขาซิ่ง ได้เล่าถึงการผจญภัยของกลุ่มคนที่ฝังตัวอยู่ในแวดวงการแข่งรถใต้ดินในแอลเอตะวันออก ผู้เข้าไปพัวพันกับการปล้นระดับล่าง เพื่อหาเงินมาปรนเปรอความรักที่มีต่อการซิ่งมันส์ระห่ำสุดขั้วของพวกเขา ตำนานสุดระทึกของเหล่าคนหนุ่มสาวที่ใช้ชีวิตและซิ่งตามกฎของคนนอกกฎหมายนี้กลายเป็น The Fast and the Furious ภาพยนตร์ม้ามืดประจำซัมเมอร์ปี 2001 ที่กวาดรายได้ 207 ล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก

ด้วยภาพยนตร์หกภาคที่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นความชื่นชอบในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ที่มีแต่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และรายได้ที่น่าทึ่งถึง 2.4 พันล้านเหรียญ แฟรนไชส์ที่ทุบสถิติของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเรื่องนี้ได้กลายเป็นแฟรนไชส์ที่ทำกำไรและมีอายุยืนยาวที่สุดของสตูดิโอ ที่น่าประทับใจก็คือทางโซเชียล มีเดีย แฟนๆ ที่ติดตามแฟรนไชส์เรื่องนี้และทีมนักแสดงของเรื่องได้เติบโตกลายเป็นกลุ่มแฟนที่มีจำนวนมากที่สุดของแฟรนไชส์เรื่องไหนๆ ก็ตาม

ด้วยความที่ครอบครัวเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องอย่างหนักแน่น แฟรนไชส์ Fast & Furious ได้พัฒนากลายเป็นมาตรฐานสำหรับคอภาพยนตร์ ที่ติดตามตัวละครที่น่าประทับใจเหล่านี้ ผู้ซึ่งการเดินทางของพวกเขาได้ปลดปล่อยและเผยอารมณ์ที่ลึกซึ้งอย่างน่าประหลาดใจ มันได้ก้าวไปสู่การเป็นปรากฏการณ์ที่นำพากลุ่มนักซิ่งนอกกฎหมายเหล่านี้ไปปฏิบัติภารกิจที่ไม่น่าเป็นไปได้ ในสถานที่ไกลโพ้น ตั้งแต่ญี่ปุ่น เม็กซิโกและสาธารณรัฐโดมินิกัน ไปจนถึงบราซิล หมู่เกาะคานารีและหมู่เกาะอังกฤษ

บัดนี้ ใน Fast & Furious 7 ทีมงานได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาซิ่งร่วมกันอีกครั้งในการผจญภัยที่ท้าทายแรงโน้มถ่วงและสะเทือนอารมณ์มากที่สุดของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน

วิน ดีเซล, พอล วอล์คเกอร์, ดเวย์น จอห์นสัน, มิเชลล์ โรดริเกซ, ไทริส กิ๊บสัน, คริส “ลูดาคริส” บริดเจสและจอร์แดนา บรูว์สเตอร์ ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในฐานะสมาชิกครอบครัวเจ็ดชีวิต ที่รวมตัวกันเพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียว พวกเขาได้ร่วมทีมกับขวัญใจของแฟรนไชส์อย่างเอลซา พาทากี้และลูคัส แบล็ค รวมถึงนักแสดงหน้าใหม่ของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งรวมถึง เจสัน สเตแธม, เคิร์ท รัสเซล, นาตาลี เอ็มมานูเอล, ดิมอน ฮันซู, รอนดา เราซีย์และโทนี จา

เรื่องราวใน Fast & Furious 7 เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งปีหลังจากที่ลูกทีมของดอม (ดีเซล) และไบรอัน (วอล์คเกอร์) ได้รับการอภัยโทษให้กลับอเมริกาได้ เราได้พบว่าพวกเขาได้ปรับตัวมาใช้ชีวิตถูกกฎหมาย แต่คำว่าบ้านของพวกเขากลับเป็นอะไรที่เกินจริง ดอมพยายามจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเล็ตตี้ (โรดริเกซ) ในขณะที่ไบรอันเองก็พยายามจะปรับตัวให้เข้ากับชีวิตย่านชานเมืองกับไมอา (บรูว์สเตอร์) และลูกชายของพวกเขา ส่วนเทจ (บริดเจส) และโรมัน (กิ๊บสัน) ก็เฉลิมฉลองอิสรภาพของพวกเขาด้วยการใช้ชีวิตตามความฝันของหนุ่มเพลย์บอย

อย่างไรก็ดี สิ่งที่พวกเขายังไม่รู้ก็คืออันตรายกำลังคืบคลานเข้าหาพวกเขาในร่างของมือสังหารภารกิจลับเลือดเย็นชาวอังกฤษ ที่มีบัญชีแค้นต้องสะสาง หลังจากที่เริ่มต้นศักราชแห่งความหวาดสะพรึงด้วยการสังหารโหดฮัน (ซุง คัง) ในโตเกียวและความพยายามลอบสังหารฮ็อบส์ (จอห์นสัน) ในแอลเอ เด็คการ์ด ชอว์ (สเตแธม) ก็เริ่มลงมือตามล่าผู้ที่กำจัดโอเวน (ลุค อีวานส์) น้องชายของเขา ระหว่างภารกิจสุดท้ายของพวกเขา

ในตอนที่ชอว์ระเบิดบ้านทอร์เร็ตโต้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแหล่งพักพิงเพื่อให้ลูกทีมของเราได้ไขว่คว้าอิสรภาพกลับคืนมา ดอมก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง (รัสเซล) ความหวังหนึ่งเดียวของเหล่าตัวเอกของเราคือการนั่งหลังพวงมาลัยอีกครั้ง เพื่อหาโปรโตไทป์เครื่องมือติดตามอัจฉริยะของรัฐบาลสหรัฐฯให้พบ ผลตอบแทนคือพวกเขาจะสามารถใช้เครื่องมือติดตามที่ว่านี้ในการสืบร่องรอยของชอว์ ผู้เร้นกายราวกับวิญญาณ ก่อนที่เขาจะลงมือสังหารอีกครั้ง ในตอนนี้ที่พวกเขาสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าแต่ก่อน ใน The Fast & Furious 7 ดอม, ไบรอัน, ฮ็อบส์, เล็ตตี้, โรมัน, เทจและไมอา จะต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดในสถานที่ไกลโพ้นอย่างอาบู ดาบีและอาเซอร์ไบจัน…และสถานที่ที่พวกเขาคุ้นเคย อย่างท้องถนนที่เป็นเหมือนบ้านของพวกเขา

Fast & Furious 7 ได้ต้อนรับผู้กำกับคนใหม่ เจมส์ วัน (The Conjuring, Insidious) ผู้ได้ร่วมงานกับทีมงานเบื้องหลังที่นำทีมโดยผู้อำนวยการสร้างนีล เอช. มอริทซ์ (แฟรนไชส์ Fast & Furious, แฟรนไชส์ 21 Jump Street), วิน ดีเซล (แฟรนไชส์ Fast & Furious, Riddick) และไมเคิล ฟอทเทรล (Fast Five, Live Free or Die Hard) ผู้ควบคุมงานสร้าง คริส มอร์แกน (แฟรนไชส์ Fast & Furious, Wanted) เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ จากตัวละครที่สร้างสรรค์โดยแกรี สก็อต ธอมป์สัน (The Fast and the Furious) อแมนดา ลูอิส (Fast & Furious 6, Fast Five) และซาแมนธา วินเซนต์ (Fast & Furious 6, Fast Five) ร่วมรับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้าง

ทีมงานขาประจำของแฟรนไชส์นี้ยังรวมถึงผู้กำกับภาพ สตีเฟน เอฟ. วินดอน (Fast & Furious 6, Fast Five), มือลำดับภาพ คริสเตียน แว็กเนอร์ (Fast & Furious 6, Fast Five), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซันจา มิลโควิค เฮย์ส (แฟรนไชส์ Fast & Furious, The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor), ผู้ประสานงานฝ่ายรถ เดนนิส แม็คคาร์ธีย์ (Fast Five, Fast & Furious 6), ผู้กำกับยูนิทที่สอง สไปโร ราซาทอส (Fast & Furious 6, Captain America: The Winter Soldier) และผู้ประพันธ์เพลง ไบรอัน ไทเลอร์ (Fast Five, Fast & Furious) นอกจากนั้น พวกเขายังได้ร่วมงานกับทีมงานหน้าใหม่ ซึ่งรวมถึงผู้ออกแบบงานสร้าง บิล เบรสกี้อีกด้วย  (Iron Man 3, The Hangover: Part II)

 

เกี่ยวกับงานสร้าง

การซิ่งครั้งสุดท้าย: การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น

         ในตอนที่ Fast & Furious 6 ปิดฉากลงและผู้กำกับจัสติน ลิน ได้โบกมือลาหลังจากที่ร่วมงานกับแฟรนไชส์นี้มาสี่ภาค ผู้อำนวยการสร้างมอริทซ์และดีเซลและมือเขียนบทมอร์แกนก็เริ่มมองหาคนที่จะมารับหน้าที่นี้ต่อได้ พวกเขาต้องการผู้กำกับที่สามารถเข้ามาดูแลทุกการเคลื่อนไหวของแฟรนไชส์ชื่อดัง ทุนหนา มีแฟนติดตามจำนวนมาก พร้อมกับผลักดันท่วงทำนองเรื่องราว ตัวละครและแอ็กชัน ที่มัดใจแฟนๆ มากว่าสิบปีได้

เจมส์ วัน ผู้กำกับชาวออสเตรเลีย ผู้ปลุกชีพให้กับภาพยนตร์แนวลุ้นระทึกอีกครั้งด้วยแฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์ยอดนิยมอย่าง Saw, The Conjuring และ Insidious ได้เซ็นสัญญาที่จะรับหน้าที่ผู้กำกับของตำนานบทต่อไป วัน ผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานที่ทำรายได้สูง แปลกใหม่และถูกขับดันด้วยตัวละคร อีกทั้งยังนำเสนอความตึงเครียดสูงควบคู่กับภาพวิชวลโดดเด่น รู้ดีว่าเขาพร้อมที่จะกุมบังเหียนภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ดัง ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและแอ็กชันมันส์ระห่ำแล้ว

วันกระตือรือร้นกับการฝากลายเซ็นของเขาไว้ในภาพยนตร์แนวนี้ด้วยภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง Fast & Furious 7 “ผมเป็นแฟนของแฟรนไชส์ Fast & Furious ครับ และมันก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผมที่จะแหวกจากแนวที่ผมสร้างชื่อขึ้นมา และมาทำงานในแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ที่ผู้ชมชื่นชอบขนาดนี้” วันกล่าว “เป้าหมายอย่างหนึ่งของผมสำหรับ Fast & Furious 7 คือการผลักดันตัวเองไปถึงขีดจำกัดและนำเสนอในสิ่งที่ต่างออกไป ไอเดียของการได้มีส่วนร่วมในแฟรนไชส์ที่ยิ่งใหญ่และโด่งดังแบบนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจครับ”

เมื่อพิจารณาจากตอนท้าย Fast Five ที่น่าตกตะลึง ที่เผยว่าเล็ตตี้ ออร์ทิซยังมีชีวิตอยู่ แฟนๆ ก็แทบอดทนรอไม่ได้ที่จะดูฉากปิดท้ายของ Fast & Furious 6 ที่จะผลักดันตำนานนี้ไปยังทิศทางใหม่ที่น่าประหลาดใจอีกครั้ง ทีมผู้สร้างไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง ฉากปิดท้ายของภาคล่าสุดไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ครั้งใหม่เท่านั้น แต่มันยังตอบคำถามที่มีคนถามกันมากที่สุดของแฟรนไชส์ เกี่ยวกับช่วงเวลาของ Tokyo Drift และฮัน ตัวละครสุดเจ๋งของซุงคัง ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในภาคดังกล่าว ว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไรกับช่วงเวลาของแฟรนไชส์และลำดับการเล่าเรื่อง

ตามที่ผู้อำนวยการสร้างได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้น เรื่องราวของแฟรนไชส์นี้เชื่อมโยงกับ Tokyo Drift จริงๆ และมันก็ถูกขยายโดยความเป็นพี่น้องระหว่างดอมและฮัน ท้ายที่สุดแล้ว ภาคที่สามก็ถูกวางลงในตำนานของ Fast & Furious ที่ยิ่งใหญ่กว่า ทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่

การเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของคนขับรถปริศนา ที่รับบทโดยเจสัน สเตแธม ตัวละครเลือดเย็นที่ขับรถเมอร์ซีดิสของเขาพุ่งเข้าชนรถของฮัน เป็นสุดยอดของการใช้ประโยชน์ตัวละครในภาคเก่าและองค์ประกอบตามท้องเรื่อง เพื่อจุดประกายให้เกิดเรื่องราวใหม่ๆ ของแฟรนไชส์นี้ มันเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่หล่อเลี้ยงตำนาน Fast มาเป็นเวลากว่าสิบปี รวมทั้งสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม ด้วยประเด็นเรื่องราวและแอ็กชัน ที่ดึงดูดให้พวกเขาติดตามมันอยู่เรื่อยๆ

ดีเซลแสดงความเคารพต่อคอภาพยนตร์ ผู้ไว้วางใจในทีมงานหลักผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ทั้งเจ็ดภาค เขากล่าวว่า “การที่ผู้ชมยอมให้เรากระโดดไปมาในลำดับเรื่องของ Fast และเต็มใจที่จะร่วมผจญภัยไปกับเรา อยู่กับเรา เป็นเรื่องยอดเยี่ยมครับ หนึ่งในสิ่งที่เจ๋งเกี่ยวกับการที่เราคอยดูแลตำนาน Fast & Furious มาตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมาคือไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกอย่างลงตัวใน Fast & Furious 7 คำถามได้รับคำตอบ มีการนำเสนอความคิดใหม่ๆ ถ้ามันมีอยู่ในแฟรนไชส์นี้ล่ะก็ มันก็จะเป็นเมล็ดพันธุ์ของสิ่งใหม่ๆ ที่จะถูกนำเสนออีกครั้งครับ”

สำหรับ มอร์แกน ผู้ควบคุมงานสร้าง/มือเขียนบทของแฟรนไชส์นี้ ผู้ทำงานกับแฟรนไชส์นี้เป็นครั้งที่ห้าแล้ว มันหมายถึงการอัพเดทระบบโพสต์อิทที่ใช้รหัสสีของเขาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นระบบที่คอยติดตามทุกอย่าง ตั้งแต่ตัวละครในอดีต รถและประเด็นที่เฉพาะเจาะจงของเรื่องราว ภายในความเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่านั้น บางประเด็นร้อยโยงกับภาคที่ผ่านๆ มา รวมถึงเครื่องรางที่สำคัญอย่างจี้รูปกางเขนเงินของดอม “ทุกคนและทุกอย่างมีคุณค่าในโลกของเราครับ” มอร์แกนบอก “มันให้เกียรติแฟรนไชส์เรื่องนี้และแฟนๆ ที่กลับมาสนุกกับบทต่อไปด้วยครับ”

ตัวอย่างสำคัญคือการหวนกลับมาหาดอมของเล็ตตี้ ที่กลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง เมื่อเธอพยายามปะติดปะต่ออดีตของเธอและทำความเข้าใจกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง…เพื่อที่เธอจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตในอนาคตร่วมกับคู่ชีวิตของเธอ

เรื่องราวที่น่าติดตามและตัวละครที่เป็นที่รักไม่ใช่เสน่ห์เพียงอย่างเดียวที่ดึงดูดใจผู้ชม Fast & Furious การมีส่วนร่วมของทีมนักแสดงและทีมงานทางแพลทฟอร์มโซเชียล มีเดีย ก็ทำให้แฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์นี้มีโอกาสได้เข้าถึงเนื้อหาพิเศษ ที่บ่มเพาะให้เกิดการพูดคุยและความสัมพันธ์สนิทสนมกันนานหลายปี ด้วยธรรมชาติความเป็นอินเตอร์แอ็กทีฟของโซเชียล มีเดีย มันก็เลยขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสำเร็จของแต่ละภาค มันมีความรู้สึกของความเป็นเจ้าข้าวเข้าของสำหรับแฟนๆ ของ Fast เท่านั้น ผู้ที่บ่อยครั้งจะถูกมองว่าเป็นตัววัดระดับโทนและเรื่องราว รวมถึงมาตรฐานรสนิยมสำหรับโลเกชันและรถในเรื่องด้วย

ดีเซล ผู้ติดตามกระแสออนไลน์ของแฟรนไชส์นี้อย่างใกล้ชิด ได้ใช้ประโยชน์จากฟีดแบ็คนั้น ด้วยการรับฟังเสียงคัดค้านการตายของเล็ตตี้ใน Fast & Furious และเปิดโพลสำรวจความคิดเห็นของแฟนๆ ว่าพวกเขาอยากเห็นใครมาร่วมงาน (อีกครั้ง) ในแฟรนไชส์นี้ และตอบแทนพวกเขาด้วยการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้แบบเรียลไทม์

นักแสดง/ผู้อำนวยการผู้นี้กลายเป็นคู่หูที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับวัน ผู้ชื่นชมมิตรภาพและความเป็นมิตรที่ดีเซลหยิบยื่นให้ ผู้กำกับเล่าว่า “วินเป็นคู่หูที่ขาดไม่ได้สำหรับผมในหนังเรื่องนี้ การได้แรงสนับสนุนจากเขาช่วยสร้างความแตกต่างสำคัญให้กับการมาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้ของผม ตั้งแต่เริ่มแรก เราคุยกันถึงเรื่องตัวละครและแฟรนไชส์โดยรวม ว่ามันเป็นยังไงและจะไปในทิศทางไหนต่อไปในอนาคต มิตรภาพระหว่างเราช่วยให้การสร้าง Fast & Furious เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าจะทำอะไรกับดอม แต่เขาก็เปิดกว้างต่อการกำกับและการนำทางของผม ซึ่งผมเองก็ซาบซึ้งเขามากในเรื่องนั้น”

2431_TPI_00030R

การยกย่องพี่น้องของเรา:

การเฉลิมฉลองให้กับพอล วอล์คเกอร์

         ระหว่างที่การถ่ายทำ Fast & Furious 7 กำลังดำเนินไปในเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นครอบครัวของเราสูญเสียพ่อ ลูกชายและพี่น้อง ผู้เป็นที่รัก และโลกใบนี้ก็ได้สูญเสียเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ผู้มีพรสวรรค์ และผู้ใจบุญ พอล วอล์คเกอร์ ไป ผู้โชคดีที่เคยร่วมงานกับวอล์คเกอร์ในแฟรนไชส์ Fast & Furious ทั้งห้าภาค ต่างก็มีความรู้สึกเหมือนกับทุกคนที่เคยได้สัมผัสกับชีวิตของเขาทั้งในและนอกจอ ความสูญเสียครั้งนี้ช่างใหญ่หลวงนัก

ผู้อำนวยการสร้างมอริทซ์ ผู้ที่อยู่เคียงข้างวอล์คเกอร์ ตั้งแต่ที่เขาแจ้งเกิด ร่วมกับดีเซล, บรูว์สเตอร์และโรดริเกซ เล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า “หลังจากการจากไปอันน่าเศร้าของ พอล เพื่อนและเพื่อนร่วมงานที่แสนดีของเรา เราก็คุยกันว่าเราจะหยุดถ่ายทำหนังเรื่องนี้ แต่หลังจากผ่านไปซักพัก เราก็คิดได้ว่าพอลคงอยากให้เราทำงานต่อจนเสร็จ ผมกับวินคุยกัน และเราก็เห็นพ้องต้องกันว่า เราต้องทำทุกอย่างเพื่อสร้างหนังเรื่องนี้ให้เสร็จเพื่อเขา เราต้องเดินหน้าต่อไปเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น เราเคารพในตัวพอล ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ในฐานะพ่อ และเพื่อน และเราก็จะไม่นำเสนออะไรที่จะสั่นคลอนสิ่งเหล่านั้นบนหน้าจอ

“แล้วเราก็คิดได้ว่าเราจะถ่ายทำ Fast & Furious 7 จนจบได้ยังไง” ผู้อำนวยการสร้างกล่าวต่อ “เราถ่ายทำหนังส่วนใหญ่กับพอล แต่เราก็สงสัยว่าเราจะทำยังไงให้มันเวิร์ค ผมต้องบอกว่าเขาคอยดูแลเราอยู่ ด้วยฟุตเตจที่เรายังไม่ได้ใช้จากภาคก่อนๆ และการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เราก็เลยสามารถสร้างหนังเรื่องนี้จนจบ ภายใต้แรงบันดาลใจจากพอล และสร้างบทส่งท้ายในโลกภาพยนตร์ที่เพอร์เฟ็กต์ให้กับเขาและตัวละครที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดของเขา หนังเรื่องนี้เป็นบทพิสูจน์ตำนานของเขาครับ”

ดีเซลพูดแทนเพื่อนนักแสดงและทีมงานของเขาถึงสาเหตุที่ Fast & Furious 7 จะต้องเป็นการเฉลิมฉลองชีวิตของวอล์คเกอร์ว่า “พอลเป็นเหมือนพี่น้องของผม ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว Fast ทั้งลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความหมายและตัวละครของเราก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อกันและกัน แรงสนับสนุนและความรู้สึกแบบครอบครัวในหนังเรื่องนี้ส่งผลต่อความรู้สึกนอกจอของเราด้วย กับหนังเรื่องนี้ คนทั้งโลกจะได้รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราครับ”

ด้วยความช่วยเหลือที่เอื้อเฟื้อจากคาเล็บ วอล์คเกอร์และโคดี้ วอล์คเกอร์ น้องชายของพอล วอล์คเกอร์ ที่มาแสดงแทนเขา การปรากฏตัวบนหน้าจอครั้งสุดท้ายของเขาจึงกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ จอร์แดนา บรูว์สเตอร์ ผู้รับบท ไมอา ทอร์เร็ตโต้ เคียงข้างวอล์คเกอร์ มาตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ยินดีต้อนรับเพื่อนเก่าของเธอสู่กองถ่ายและเล่าถึงเหตุผลที่กองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นสถานที่ของครอบครัว “มันพิเศษสุดจริงๆ ค่ะ…และก็เซอร์เรียลด้วย มีอยู่ตอนหนึ่ง ฉันขับรถกอล์ฟอยู่กับลูกชายฉัน แล้วฉันก็นึกถึงเมื่อหลายปีก่อน ระหว่างถ่ายทำหนังภาคแรก ที่พอลแบกลูกสาวเขาไว้บนบ่าเดินเข้ากองถ่ายมา มันเป็นเหมือนวงกลมเดินมาครบรอบค่ะ เราต่างก็มีสายสัมพันธ์ที่พิเศษสุดระหว่างกันจริงๆ”

คริส มอร์แกน ผู้รับหน้าที่ผู้เขียนเรื่องราวของแฟรนไชส์นี้ตั้งแต่ Tokyo Drift สรุปถึงความภาคภูมิใจของทีมงานและความมุ่งมั่นของพวกเขาในการสร้างหนทางที่น่าพึงพอใจให้แฟนๆ ได้จดจำและชื่นชมวอล์คเกอร์ว่า “การสูญเสียสมาชิกครอบครัวเราระหว่างการถ่ายทำเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่การได้ทุกคนมาร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อสร้างหนังเรื่องนี้ให้สำเร็จเป็นเรื่องที่งดงาม เป็นสิ่งที่เราทุกคนภูมิใจ ผมรู้ว่าพอลคงจะต้องชอบแน่ๆ”

2431_D065_00007R_CROPเมื่อถึงคราวสะสางบัญชีแค้น:

พวกพระเอกหวนคืน

         ใน Fast & Furious 7 เหล่าตัวเอกของเราต้องเจอกับสถานการณ์ใหม่ ที่เต็มไปด้วยศัตรูมากหน้าหลายตา พร้อมกับการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดและเงามืดดำจากอดีตของพวกเขา สำหรับตำนานหน้าใหม่ในการผจญภัยของดอมและไบรอัน การกลับมาบ้านที่ลอสแองเจลิสในฐานะคนที่มีอิสระเป็นความฝันของพวกเขาเสมอมา อย่างไรก็ดี การปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย

วันเล่าถึงความซับซ้อนในการกลับบ้านของพวกเขาว่า “หลังจากต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้ได้กลับบ้าน ในที่สุด พวกเขาก็ได้กลับบ้านจริงๆ แต่แล้วพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าบางทีนี่อาจไม่ใช่ชีวิตสำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว การผจญภัยที่พวกเขาเคยผ่านมากลายเป็นตัวตนของพวกเขาในปัจจุบันมากกว่า มันมีความขัดแย้งภายในใจที่ว่าตอนนี้คุณกลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าในบ้านของคุณไปแล้วน่ะครับ”

ในแฟรนไชส์มันส์ระห่ำเรื่องนี้ Fast Five เป็นภาคแรกที่แนะนำตัวละครใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ทั้งสองฟากฝั่งของกฎหมาย ผู้ทำให้ดอมและทีมงานต้องซิ่งกันหัวปั่น เริ่มจากเจ้าหน้าที่พิเศษฮ็อบส์ ที่รับบทโดยจอห์นสัน และโอเวน ชอว์ ตัวร้ายผู้น่าสะพรึงกลัว ที่รับบทโดยอีวานส์ ทีมงานต้องถูกทดสอบทุกหัวโค้ง อย่างไรก็ดี หลังจากที่ไล่ล่าดอมและลูกทีมมาหลายปี ฮ็อบส์ เจ้าหน้าที่ผู้เคารพกฎ กลับพบว่าตัวเองเข้าข้างดอมเมื่อทุกชีวิตถูกคุกคาม พวกเขาได้รับความไว้วางใจและความนับถือจากฮ็อบส์ ซึ่งนำมาซึ่งความคุ้มคองและมิตรภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

จอห์นสันพูดถึงความเปลี่ยนแปลงของฮ็อบส์ในแฟรนไชส์นี้ว่า “ตั้งแต่เริ่มต้น เป้าหมายของเราคือการสร้างตัวละครที่เป็นตัวแสบตั้งแต่เริ่มแรก และมีความคิดอ่านแบบคาวบอย แต่เขาก็ต้องมีความสามารถในการคุยโวและทำได้ตามที่พูด ซึ่งก็กลายเป็นแนวทางในการพูดของฮ็อบส์ ที่มีการปล่อยมุขกับผู้ชมไปพร้อมๆ กัน มันเป็นสมดุลที่เบาบางตลอดสี่ปีในการแสดงบทนี้ ผมชื่นชอบไอเดียของการสร้างตัวละครที่มีแนวโน้มและพลังความเป็นซูเปอร์ฮีโร ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นซูเปอร์ฮีโรน่ะครับ”

ในการพูดถึงหนึ่งในฉากต่อสู้สำคัญของเรื่อง จอห์นสันได้สรุปความรู้สึกของทีมนักแสดงทุกคนเกี่ยวกับผู้กำกับของเรื่อง ว่าวันเข้าใจพวกเขาและแฟรนไชส์ Fast จริงๆ นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า “หลังจากที่ผมได้นั่งคุยกับเจมส์ตั้งแต่เริ่มแรก ได้สร้างฉากต่อสู้เปิดตัวกับเจสันและออกแบบแนวทางการถ่ายทำ ผมแฮปปี้กับมันและกับเขามาก สิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเจ๋งจริงๆ มันไม่เหมือนใครครับ”

การสวมบทตัวละครตัวเดียวมาเป็นระยะเวลานานกว่าสิบปีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับนักแสดงส่วนใหญ่ แต่มันเป็นสิ่งที่ทีมนักแสดงหลากวัฒนธรรมทีมนี้ให้ความสำคัญทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับไดอะล็อค ประเด็นเรื่องราว เสื้อผ้าหรือการเลือกรถ มันเป็นความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นกับช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับความรู้สึกของนักซิ่งข้างถนนที่พวกเขาได้แนะนำให้ผู้ชมรู้จักเมื่อหลายปีก่อน ไม่มีใครที่ภาคภูมิใจไปยิ่งกว่ามิเชลล์ โรดริเกซอีกแล้ว

ท่ามกลางเรื่องราวการล้างแค้น ความสะเทือนอารมณ์ที่เพิ่มมากขึ้นและแอ็กชันที่ร้อนแรงใน Fast & Furious 7 ยังมีเรื่องราวความรักระหว่างดอมและเล็ตตี้ด้วย ดีเซลและโรดริเกซเป็นคนแรกๆ ที่ตระหนักถึงเรื่องนี้และพยายามอย่างมากเพื่อสร้างเรื่องราวความรักนั้นบนพื้นฐานของความเป็นจริง แม้กระทั่งระหว่างสถานการณ์เสี่ยงอันตราย ความจำเสื่อมและความสัมพันธ์ใหม่ๆ ความรักของพวกเขาก็มีรากฐานจากความหลังร่วมกันและความศรัทธาที่พวกเขามีต่อกันและกัน

“ความสัมพันธ์ของดอมและเล็ตตี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ค่อยได้เห็นในปัจจุบันนี้ค่ะ” นักแสดงหญิงกล่าว “มันเป็นความภักดีที่หาได้ยาก ที่คุณจะได้เห็นในชีวิตคู่แบบดั้งเดิมเท่านั้น มันเป็นความภักดีระดับนั้น ที่มีความผิดเพี้ยนแบบบอนนีและไคลด์น่ะค่ะ คุณจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครเหล่านี้ ได้เห็นความรักและภักดีนั้น ฉันกับวินเห็นช่วงเวลาเหล่านั้นเสมอและคิดว่า ‘มันงดงามมาก’ มันเป็นสิ่งที่เราทุกคนหวังว่าจะมีค่ะ”

แม้ว่าไมอาจะเป็นความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกฉันพี่น้องระหว่างดอมและไบรอัน สิ่งเดียวที่พี่ชายเธอให้ความสำคัญคือการคุ้มครองเธอ ในช่วงเริ่มแรก มันเป็นเรื่องการจีบของไบรอัน แต่ตอนนี้ เรื่องราวจริงจังกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลการปฏิบัติการปล่นในริโอ หรือการสละตัวเองเพื่อปกป้องแจ็ค ลูกชายของพวกเขา ไมอาเป็นหัวใจของครอบครัวทอร์เร็ตโต้มาโดยตลอด…และเธอก็เป็นคนที่ไขว่คว้าที่จะสร้างชีวิตที่สงบสุขให้กับพวกเขาด้วย

ในฐานะที่บรูว์สเตอร์เองก็เพิ่งเป็นแม่คน เธอก็เลยเข้าใจดีถึงแรงจูงใจของไมอาในการคุ้มครองคนที่เธอรัก “สิ่งหนึ่งที่ฉันพยายามพัฒนาขึ้นกับไมอาคือการรักษาสมดุลระหว่างความเป็นแม่และครอบครัวของเธอ” บรูว์สเตอร์เล่า “ไมอามีสัญชาตญาณที่เฉียบคมว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนุ่มๆ ในชีวิตของเธอ แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดออกมาก็ตาม ฉันชื่นชอบการนำเสนอความขัดแย้งนั้น และฉันก็เคารพเธอที่เป็นคนที่พึ่งพาได้แบบนั้นท่ามกลางเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้นค่ะ”

แน่นอนว่า ครอบครัวนั้นครอบคลุมมานอกเหนือจากทีมทอร์เร็ตโต้/โอ’คอนเนอร์/ออร์ทิซด้วย ไทริส กิ๊บสัน กลับมารับบท โรมัน เพียร์ซ เพื่อนวัยเด็กของไบรอันจากสถานกักกันเยาวชน เป็นครั้งที่สี่ เขาเป็นคนที่ท้าทายอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐและช่วยสร้างอารมณ์ขันให้กับเรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง โรมันปรากฏตัวครั้งแรกใน 2 Fast 2 Furious ในตอนที่ไบรอันหลบหนี และได้พบกับเพื่อนเก่าของเขาในไมอามี

ใน Fast & Furious 7 โรมันยังคงรักษาความกล้าหาญของตัวเองเมื่อเขาเดินหน้ารุกสำหรับบทบาทที่มีความเป็นผู้นำมากขึ้น อย่างไรก็ดี เขาก็ต้องเจอกับงานช้างเขาเมื่อแผนการในการช่วยเหลือนักแฮ็กเกอร์ระดับเทพที่ชื่อแรมซีย์ถูกหยิบมาใช้จริงๆ กิ๊บสัน ผู้ยินดีกับเหตุการณ์พลิกผันที่มือเขียนบทมอร์แกนเขียนให้กับตัวละครของเขา ยอมรับว่าโรมันเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม เขาเล่าว่า “โรมันจะต้องเป็นเสียงของความจริง ในขณะที่คนอื่นๆ พร้อมที่จะทำทุกอย่างที่ดอมบอก โรมันกลับไม่ใช่ เขามีปัญหากับคำสั่งเสมอๆ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกใน 2 Fast แต่โรมันก็จะไม่ทำให้ทีมผิดหวัง เขาเอาด้วยแม้ว่ามันจะค้านกับสัญชาตญาณของเขาก็ตาม ผมชอบที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนขอบเหวของหายนะครับ”

คริส “ลูดาคริส” บริดเจส กลับมารับบท เทจ ปาร์คเกอร์ ช่างเทคนิคเครื่องยนต์ ผู้ปรากฏตัวครั้งแรกด้วยการเคียงข้างวอล์คเกอร์และกิ๊บสันใน 2 Fast 2 Furious บริดเจสยินดีที่ได้เห็นตัวละครของเขามีส่วนในบทบาทแอ็กชันมากขึ้นในครั้งนี้ ความเป็นปรปักษ์ที่น่าขันระหว่างเทจและโรมันยังคงอยู่และตอนนี้ มันก็ลุกลามมถึงแรมซีย์ ผู้ตกอยู่ตกหลางระหว่างการปะทะคารมของทั้งคู่ แม้ว่าเธอและเทจจะสานสายสัมพันธ์กันได้อย่างง่ายดายด้วยความชื่นชอบเทคโนโลยีเหมือนกัน ในขณะที่เพลย์บอยโรมันก็พยายามจะหว่านเสน่ห์โดยไม่ประสบผล แรมซีย์ก็รับมือกับความสนใจที่ได้รับอย่างสบายๆ

“เหมือนกับเทจกับโรมันกลับไปเรียนมัธยมแน่ะครับ” บริดเจสกล่าวกลั้วหัวเราะ “พวกเขาทำให้มันสนุกและตลกขบขันตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกี่ยวกับสาวสวยด้วยแล้ว ตอนนี้ คุณจะได้เห็นพวกเขาทำตัวเพี้ยนๆ เป็นเด็กๆ และประชันขันแข่งกันและกันครับ”

หนึ่งในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่าของดอมก็คือความสัมพันธ์กับเอเลนา นีเวส คนรักเก่า ที่รับบทโดย เอลซา พาทากี้อีกครั้งหนึ่ง นักแสดงหญิงชาวสเปนปรากฏตัวครั้งแรกใน Fast Five ในบทตำรวจหญิงคนเก่งของริโอ ผู้รู้สึกเชื่อมโยงกับนักโทษหนีคดีผู้นี้จากความสูญเสียเหมือนๆ กัน และเธอก็ทิ้งบ้านและอาชีพตำรวจของเธอเพื่อหนีไปกับเขา พวกเขาสร้างชีวิตที่มีความสุขร่วมกันในหมู่เกาะคานารี แต่พอดอมตัดสินใจที่จะหาความจริงเกี่ยวกับเล็ตตี้ เอเลนาก็รู้ว่าเธอได้เสียเขาไปให้กับรักแรกของเขาไปเสียแล้ว แม้ว่าเธอจะไปได้สวยกับการร่วมงานกับฮ็อบส์ที่ดีเอสเอสและได้สร้างชีวิตของตัวเองขึ้นใหม่ ความรักที่เธอมีต่อดอมก็ยังคงอยู่

ในตอนที่เธออ่านบท สัญชาตญาณแรกของพาทากี้คือเธออยากให้เอเลนาสู้เพื่อชีวิตของเธอกับดอม แต่ไม่นานนัก เธอก็เข้าใจว่าการตัดสินใจของตัวละครของเธอแสดงถึงความรักลึกซึ้งที่เธอมีต่อเขา “การเสียสละของเอเลนาเป็นวิธีการแสดงความรักที่น่าทึ่ง แต่ก็ไม่ได้ความว่าเธอไม่ได้ทรมานใจนะคะ” นักแสดงหญิงกล่าว “คนจำนวนไม่มากนักหรอกค่ะที่สามารถทำแบบนั้นได้ และมันก็งดงามมาก เอเลนาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวเลย และฉันก็เชื่อว่าผู้ชมจะรู้สึกได้ว่าเธอกำลังทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อเขา ในขณะเดียวกัน เธอก็เข้มแข็งพอที่จะนำชีวิตตัวเองกลับมา โดยเฉพาะงานของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต่อสู้เพื่อมัน เธอเป็นคนหัวรั้นค่ะ”

ลูคัส แบล็คจาก The Fast and the Furious: Tokyo Drift กลับมารับบทฌอน บอสเวล ชายรักสันโดษผู้ค้นพบสิ่งที่เขารักและครอบครัวในโลกการแข่งดริฟท์ใต้ดินของโตเกียว อีกครั้งหนึ่ง นอกจากเขาจะตื่นเต้นกับการได้กลับมาสู่แฟรนไชส์นี้แล้ว เขายังกระตือรือร้นที่จะได้เห็นว่ามอร์แกนและทีมผู้สร้างจะบันดาลการหวนคืนสู่วงการของฌอนในรูปแบบไหน

อย่างไรก็ดี แบล็คก็ทึ่งกับความยอดเยี่ยมที่พวกเขาสามารถสร้างการกลับมารวมตัวกันของตัวละครและประเด็นเรื่องราวด้วยผลกระทบทางอารมณ์ที่ทรงพลังได้ขนาดนี้ เขาเล่าว่า “ผมคิดว่ามันเป็นไอเดียอัจฉริยะครับ มันแสดงให้เห็นว่าสายสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินต่อเนื่องและลึกซึ้งแค่ไหน แนวทางการใช้ชีวิตของดอมถูกปลูกฝังอยู่ในครอบครัวนี้ที่พวกเขาสร้างขึ้น ดอมเป็นเหมือนพี่ใหญ่ของฮัน และแม้ว่าเราจะไม่รู้เรื่องนั้นใน Tokyo Drift แต่ฮันก็คอยดูแลฌอนและสอนค่านิยมแบบเดียวกันนั้นให้กับเขา นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ชมรักครับ และนั่นก็คือสิ่งที่ผมรักด้วยเหมือนกัน ครอบครัวนี้จะซิ่งหรือไม่ก็ตายไปด้วยกันครับ”

2431_D054_00398R

ยินดีต้อนรับสู่โลกของเรา:

ทีมนักแสดงหน้าใหม่ของแฟรนไชส์

         หลังจากได้ทีมนักแสดงหน้าเดิมกลับมาพร้อมหน้ากันแล้ว ทีมผู้สร้างก็ต้องการหานักแสดงสำหรับบทใหม่ๆ ที่จะมาแสดงประกบนักแสดงหลักของเรื่อง ในการกระตุ้นความอยากติดตามภาคใหม่ของผู้ชม ทีมผู้สร้างและวันรู้ดีว่าพวกเขาต้องการจะแนะนำศัตรูของทีมในรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น

ตามธรรมเนียมผู้ร้ายของ Fast โอเวน ชอว์เป็นคู่ปรับที่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยต้องเผชิญ อย่างไรก็ดี ด้วยการกำจัดฮัน เด็คการ์ด ชอว์ ตัวละครของสเตแธม กลับร้ายกาจกว่าน้องชายของเขา ด้วยเป้าหมายที่มีความเป็นส่วนตัวยิ่งกว่า นั่นคือการเด็ดชีพดอมและลูกทีม ทีละคนๆ “ชอว์เป็นตัวอันตรายครับ” มอริทซ์กล่าว “ตอนนี้ ตัวเอกของเราเป็นนักรบแล้ว บางคนก็มีฝีมือเยี่ยมที่สุดในโลก และเราก็ต้องการนักรบที่สามารถต่อกรกับพวกเขาได้ เราต่างก็รู้สึกได้ด้วยสัญชาตญาณว่าเจสัน สเตแธมจะเป็นคนที่เราต้องการ ซึ่งมันก็ได้รับการยืนยันด้วยเสียงตอบรับที่ท่วมท้นที่มีต่อการปรากฏตัวของเขาในภาคที่แล้วครับ”

สเตแธม เจ้าของผลงานภาพยนตร์แอ็กชันยอดนิยมหลายต่อหลายเรื่อง กระตือรือร้นที่จะบอกว่าตัวละครของเขาไม่ใช่ผู้ร้ายที่แบนราบ เช่นเดียวกับดอม ชอว์เองก็มีคติในการใช้ชีวิตเช่นกัน นั่นคือการล้างแค้นให้กับน้องชายของเขา และในการไล่ล่าพวกเขา เขาเป็นคนที่มีเข็มทิศศีลธรรมที่ไม่สั่นคลอน แม้ว่าจะบิดเบี้ยวก็ตาม “ชอว์ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนเลย” สเตแธมบอก “เขามีความคิดแบบขาวดำมากๆ เลือดก็คือเลือดและไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นเขาได้ ดังนั้น เขาก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล้างแค้นให้กับน้องชายเขา ทุกอย่างถูกเปิดเผยออกหมดแล้ว และเขาก็จะทำกับพวกเขาเหมือนที่พวกเขาทำกับเวน แต่แม้ว่าดอมกับชอว์จะแตกต่างกันแค่ไหน พวกเขาก็ยังเหมือนกันมากอีกด้วย พวกเขาต่างก็มีคติในการใช้ชีวิต ต่างก็เชื่อในครอบครัว มันเป็นการเปรียบเทียบที่ยอดเยี่ยมระหว่างตัวละครทั้งสองครับ”

หลังจากที่เขาระบุภัยคุกคามใหม่ต่อครอบครัวของเขาได้แล้ว ดอมก็เริ่มเป็นฝ่ายรุกด้วยการไล่ล่าชอว์ วัน ที่ลุ้นกับการเผชิญหน้ากันของสองยักษ์ใหญ่คู่นี้ ได้พัฒนาสไตล์ที่จะนำเสนอภาพวิชวลที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับฉากแอ็กชันและสตันท์ที่ทำให้แฟรนไชส์นี้โด่งดัง…โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำงานกับธีมการล้างแค้นที่ถูกเพิ่มเข้ามา “Fast & Furious 7 ได้แตะธีมคลาสสิกของความแค้น การเอาคืนและการดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น” ผู้กำกับกล่าว “ผมเป็นแฟนของธีมหนังแบบนี้ และการสามารถใส่เอาความมืดหม่นนิดๆ เข้าไปในแฟรนไชส์นี้ได้ก็เป็นเรื่องเจ๋งดี มันทำให้หนังเรื่องนี้มีอารมณ์ดิบเถื่อนที่ชัดเจนครับ”

หนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ของแฟรนไชส์ ที่แฟนๆ รอคอยมากที่สุดคือนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการ เคิร์ท รัสเซล ผู้ก้าวมารับบทเจ้าหน้าที่รัฐลึกลับ ผู้เสนอทางแก้ไขปัญหาสุดอันตราย ให้กับดอม, ไบรอันและทีมของเขา ตัวละครตัวนี้ไม่ได้ถูกพูดถึงมากไปกว่าการเป็น “มิสเตอร์โนบอดี้”

นักถอดรหัสปริศนา ผู้ยึดถือหลักการทำงานต่างตอบแทนในฐานะเจ้าหน้าที่หน่วยข้อมูลลับของสหรัฐ ต้องการดอมและลูกทีมมากพอๆ กับที่พวกเขาต้องการข้อมูลของเขาในการตามล่าชอว์ มันกลายเป็นการแข่งขันที่ว่าใครจะคว้าเครื่องมือติดตามโปรโตไทป์ที่ล้ำค่ามาได้ก่อน รัฐบาลสหรัฐฯต้องการเครื่องมือชนิดนี้อย่างไม่ทางการ ซึ่งก็หมายความว่าปฏิบัติการทุกอย่างจะต้องเป็นความลับ โชคดีที่นั่นเป็นความชำนาญพิเศษของดอมซะด้วย

เมื่อมีข่าวแพร่ออกไปว่ารัสเซลสนใจบทนี้ ความตื่นเต้นก็เกิดขึ้นในกลุ่มนักแสดงและทีมงาน นักแสดงผู้เป็นที่รักผู้นี้มีความสามารถหลากหลาย และสามารถแสดงได้ทั้งบทแอ็กชัน คอเมดีและดรามา ซึ่งทำให้เขาเหมาะสมอย่างยิ่งต่อบทเจ้าหน้าที่รัฐฯผู้ติดต่อดอมและเสนอคำตอบให้กับปัญหาชอว์ของเขา มอริทซ์พูดถึงการคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทนี้ว่า “เราต่างก็ตื่นเต้นที่เคิร์ทสนใจมาร่วมแสดงกับเรา และเขาก็เพอร์เฟ็กต์สำหรับบทนี้ ตัวละครของเขามีกลิ่นไอความแปลกประหลาด เขาตระหนักดีและชื่นชอบความจริงที่ว่าดอมและทีมของเขาปฏิบัติการนอกกรอบแบบสุดขั้ว เคิร์ทสามารถแสดงบทนี้แบบตรงไปตรงมาได้ แต่เขาก็มีมุมมองเจ๋งๆ ที่คาดไม่ถึงสำหรับบทที่อาจจะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รัฐตามแบบฉบับครับ”

นาตาลี เอ็มมานูเอล นักแสดงหญิงชาวอังกฤษ ผู้เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากบท มิสซันเดย์ ล่ามและผู้ติดตามของแดแนริส ทาแกเรียนในซีรีส์ยอดนิยมของเอชบีโอเรื่อง Game of Thrones ร่วมทีมนักแสดงในบท แรมซีย์ แฮ็กเกอร์ใต้ดินอัจฉริยะ ผู้ซึ่งเทคโนโลยีล่าสุดของเธอ ที่มีชื่อว่าเนตรพระเจ้า เป็นกุญแจสำคัญในการไล่ล่าชอว์ก่อนที่เขาจะลงมือสังหารสมาชิกในทีม หน่วยงานรัฐบาลและกลุ่มก่อการร้ายทุกกลุ่มบนโลกต้องการมัน ส่วนผู้สร้างกลับถูกมองว่ากำจัดทิ้งได้

เครื่องมือของแรมซีย์สามารถแฮ็กเข้าไปในทุกอย่างบนเครือข่ายดิจิตัล ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ เสียง วิดีโอ เอทีเอ็ม เครื่องมือไวร์เลสหรือคอมพิวเตอร์ และสำรวจข้อมูลทั้งหมดที่มีเพื่อไล่ล่าใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ทั่วโลก หากตกอยู่ในมือของคนร้าย มันก็อาจกลายเป็นเครื่องมือสุดอันตรายของคนที่เป็นเจ้าของได้ ถ้าดอมหาตัวแรมซีย์พบ เขาก็จะพบเครื่องมือสะกดรอยของเธอที่ทุกคนต่างก็หมายปอง และใช้มันไล่ล่าตัวชอว์ได้ก่อนที่จะส่งมันให้กับรัฐบาลสหรัฐ อุปสรรคน่ะหรือ ข่าวเรื่องเครื่องมือสะกดรอยที่ล้ำค่านี้ได้ถูกแพร่กระจายไปแล้ว และนักรบรับจ้างที่ชื่อ โมซี จาคันเด้ (ฮันซู) ก็ได้คว้าตัวแรมซีย์และเครื่องมือสะกดรอยนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับเอ็มมานูเอล นักแสดงหน้าใหม่ งานแรกของเธอหลังจากได้รู้ว่าเธอได้คว้าบทที่เป็นที่ต้องการนี้มาครองได้คือการดูแฟรนไชส์นี้ใหม่ทั้งหมด ไม่ต้องบอกเลยว่าเธอตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อหาคำตอบว่าตัวละครแฮ็กเกอร์ของเธอมีบทบาทอย่างไรในโลกของ Fast และในวันแรกของการถ่ายทำ เธอก็ได้พบคำตอบอย่างรวดเร็ว ทีมผู้สร้างมีธรรมเนียมในการส่งนักแสดงหน้าใหม่ของเรื่องไปประกบนักแสดงเก่าเต็มทีมตั้งแต่วันแรก ยกตัวอย่างเช่น ลุค อีวานส์ เจอกับวันแรกที่สั่นประสาทใน Fast & Furious 6 ด้วยการถ่ายทำฉากการเผชิญหน้าที่ตึงเครียดระหว่างเขากับดอม, ฮ็อบส์และลูกทีม วันนั้นยังเป็นวันที่รวมถึงช่วงเวลา “ให้ตายเหอะ” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรื่อง เมื่อมีการเปิดโปงโฉมหน้าของไรลีย์ หนอนบ่อนไส้ของฮ็อบส์ ที่รับบทโดยจีนา คาราโน

แม้ว่าจะไม่ได้พบกับนักแสดงทุกคน เอ็มมานูเอลก็มีความสุขกับวันแรกในการทำงานและรับมือกับความตึงเครียดที่เกิดขึ้นได้ เพราะเธอรู้ว่ามันจะช่วยทำให้การแสดงของเธอมีมิติมากขึ้น ฉากที่พวกเขาถ่ายทำคือฉากการพบกันครั้งแรกระหว่างแรมซีย์กับผู้ที่มาช่วยเหลือเธอ ในตอนที่พวกเขาได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า เธอไม่ใช่ผู้หญิงเปราะบาง แต่เป็นแฮ็กเกอร์คนเก่งที่พูดตามที่คิด และก็สามารถมองพวกเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

แรมซีย์อาจจะเป็นพวกไม่ยึดติดกับสังคมและสบายใจที่จะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มากกว่าการมีส่วนร่วมกับมิตรภาพแบบผ่อนคลายในกลุ่ม แต่เธอก็มีทักษะในการปรับตัว และแม้ว่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันบ้าง ในที่สุด เธอก็ยอมจำนนต่อเสน่ห์ของพวกเขา

ในตอนที่ดอม, ไบรอันและลูกทีมพยายามจะหนีจากชอว์ สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงคือความมุ่งมั่นของนักรบรับจ้าง โมซี จาคันเด้ ที่รับบทโดยดิมอน ฮันซู และเคียท สมุนคนสำคัญของจาคันเด้ ที่รับบทโดย โทนี จา นักแสดง/นักสู้ศิลปะการต่อสู้ชาวไทย ชายทั้งสองต้องการเครื่องมือสะกดรอยโปรโตไทป์นี้มากพอๆ กับพวกเขา

ในบทวายร้ายจาคันเด้ ผู้ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องร่วมมือกับชอว์ด้วยความจำเป็น ฮันซูได้แสดงบทนี้ชนิดไม่มีเวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจ หลังจากปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง Guardians of the Galaxy เขาก็บินไปแอตแลนตาเพื่อพบกับวัน, ดีเซลและทีมผู้อำนวยการสร้าง ก่อนที่จะต้องเดินทางไปโคโลราโดเพื่อถ่ายทำฉากแอ็กชันกับยูนิทท่สอง และกลับไปแอตแลนตาอีกครั้ง บทนี้เต็มไปด้วยอะดรีนาลินพลุ่งพล่านสำหรับฮันซู ผู้ซึ่งมีแต่ฉากแอ็กชันล้วนๆ แต่ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางดงกระสุนหรือช็อตกลางอากาศ เขาก็สนุกกับมันทั้งนั้น

ฮันซู นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลอคาเดมี อวอร์ด เล่าว่า “การถ่ายทำวันแรกๆ ของผมกับยูนิทที่สองและเฮลิคอปเตอร์เป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อเทียบกับฉากที่เราถ่ายทำกับยูนิทหลัก เรามีฉากสตันท์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองได้แสดง Fast & Furious 7 จริงๆ น่ะครับ”

จา ผู้อาจเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการแสดงแอ็กชันท้าแรงโน้มถ่วงของเขาในภาพยนตร์ไตรภาคเรื่ององค์บากและวิดีโอที่เรียกเสียงฮือฮาทางยูทูป เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในความคิดของวันและทีมผู้สร้างสำหรับบทเคียท ทั้งทีมงานและนักแสดงต่างก็ตื่นเต้นที่ได้ชมฝีมือของเขาอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงความชำนาญด้านมวยไทย เทควันโด้และกายกรรม แม้ว่าทีมงานและนักแสดงจะชื่นชอบการได้ดูจาวาดฝีไม้ลายมือบนหน้าจอมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาหลงใหลตั้งแต่วันแรกคือชายผู้ถ่อมตนแต่ก็มากล้นไปด้วยเสน่ห์

ผู้ที่ร่วมทีมนักแสดงด้วยคือโรมิโอ ซานโตส ศิลปินซูเปอร์สตาร์เชื้อสายลาติน ผู้รับบท มันโด้ เพื่อนของดอมและไบรอันในสาธารณรัฐโดมินิกันและจอห์น บราเธอร์ตัน ในบทเชพเพิร์ด มือขวาคนสนิทของมิสเตอร์โนบอดี้ หนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของแฟรนไชส์นี้คือรอนดา เราซีย์ นักสู้ศิลปะการต่อสู้ผสมและแชมเปียนยูเอฟซี วีเมนรุ่นแบนตัมเวท ผู้เปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วย The Expendables 3

ใน Fast & Furious 7 เราซีย์รับบท คารา องครักษ์ของเศรษฐีในอาบู ดาบี ผู้ต้องต่อกรกับเล็ตตี้…ซึ่งทั้งคู่แต่งตัวสวยเลิศ โรดริเกซเรียกตัวเองว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้คนหนึ่งของเราซีย์ และเธอก็พูดถึงวันที่น่าสนใจเป็นพิเศษในกองถ่ายว่า “เธอเจ๋งมาก เธอทั้งเท่และแข็งแกร่ง รอนดาจับฉันยกขึ้นเหนือหัวเหมือนว่าฉันเบาหวิว แล้วเธอก็คุยกับฉันระหว่างที่ฉันก็ห้อยต่องแต่งเหนือไหล่เธอ ผู้หญิงอย่างเธอน่าทึ่งมากค่ะ”

2431_D054_00398R

ร่วงลงมาจากฟ้า:

รถสุดเจ๋งใน Fast & Furious 7

         ไม่ว่าจะเร็วหรือแรง สำหรับรถในแฟรนไชส์ Fast สูตรที่ใช้ง่ายดายมาก มอร์แกนกล่าวรวบรัดว่า “รถก็เหมือนม้าของคาวบอยหรือดาบซามูไร มันเป็นอีกส่วนหนึ่งของฮีโรของเราและเป็นสิ่งแทนบุคลิกของพวกเขา เราพยายามจะรักษาแนวทางนั้นมาโดยตลอด แต่เราก็ทำมันสำเร็จด้วยรูปแบบใหม่ๆ ในทุกภาค แต่สิ่งเดียวที่เหมือนๆ กันก็คือไบรอันมักจะได้รถที่เร็ว ส่วนดอมจะได้รถที่แรงเสมอครับ”

เป็นหน้าที่ของเดนนิส แม็คคาร์ธีย์ ผู้ประสานงานฝ่ายรถ ผู้คลั่งไคล้รถและเปลี่ยนความรักของเขาให้กลายเป็นอาชีพ ในการทำให้แนวทางนั้นเป็นจริงขึ้นมา เพื่อให้มันผ่านการพินิจพิเคราะห์ของผู้รักรถเหมือนกับเขา แต่ก็สร้างความบันเทิงให้กับสาธารณชนที่ต่อแถวเข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

ขาประจำของแฟรนไชส์ Fast ผู้นี้ได้เริ่มต้นทำงานใน Tokyo Drift และก็ทำหน้าที่ดูแลรถยนต์สุดสวย ที่ขับเคลื่อนแอ็กชันอ็อกเทนสูง ซึ่งสร้างชื่อให้กับแฟรนไชส์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ใน Fast & Furious 7 แม็คคาร์ธีย์ได้พิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า เขาเป็นปรมจารย์ผู้สามารถสร้างภาพวิชวลให้กับฉากแอ็กชันยากๆ สุดตระการตาได้ เพื่อทำให้ภาพยนตร์ภาคนี้โดดเด่นขึ้นมาในเรื่องของรถและสิ่งที่พวกมันสามารถทำได้

ตั้งแต่เริ่มแรก แม็คคาร์ธีย์ก็รู้ว่า รถเหล่านี้จะต้องตอบสนองต่อลิสต์ความต้องการยาวเหยียดสำหรับประเด็นในเรื่องราว และสามารถใช้การได้ในฉากแอ็กชันทั้งบนพื้นและกลางอากาศ ตั้งแต่ซีเควนซ์การช่วยเหลือบนภูเขา ที่ใช้รถออฟโร้ดที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ไปจนถึงการเผชิญหน้ากันครั้งสุดท้าย ระหว่างทีม, ฮ็อบส์, ชอว์และนักรบรับจ้างของจาคันเด้บนท้องถนนของลอสแองเจลิส แม็คคาร์ธีย์และทีมงานของเขาได้สร้างและดัดแปลงรถส่วนใหญ่เพื่อให้พวกมันสามารถรองรับความหนักหน่วงตามบทของมอร์แกน…และทีมสตันท์ได้

การร่วมงานกับซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ แดน ซูดิค (แฟรนไชส์ Iron Man, The Avengers) และแผนกของเขาเป็นสิ่งสำคัญต่อการถ่ายทำฉากต่างๆ ได้สำเร็จ ซึ่งบางฉากเองแม็คคาร์ธีย์คิดว่าจะใช้ CGI ในตอนแรกด้วยซ้ำไป

แต่เขาก็คิดผิด

แม็คคาร์ธีย์ได้ประกอบรถ 1968 ด็อดจ์ ชาร์จเจอร์ R/T ของดอมเวอร์ชันออฟโร้ดขึ้นมา รวมถึงรถ 2015 ด็อดจ์ ชาเลนเจอร์ เอสอาร์ที 392 ของเล็ตตี้, รถ 1968 เชฟวี คามาโร Z/28 ของโรมัน, รถ 2014 ซูบารุ ดับเบิลยูอาร์เอ็กซ์ของไบรอันและรถ 2014 จี๊บ รูบิคอน เอ็กซ์ของเทจ “รถที่ถูกทำให้บึกบึนขึ้น” พวกนี้จะต้องทนต่อฉากสตันท์ที่ทุกคนคาดหวังสำหรับรถของ Fast & Furious แต่มันก็จะต้องมีความคล่องตัวที่จะตอบสนองต่อฉากออฟโร้ดได้ อย่างที่ดอมพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมอยากได้ลูกผสมระหว่างชาร์จเจอร์คันนั้นกับรถคันนั้นครับ [ชี้ไปที่รถฮัมวีทหาร] ครั้งนี้ มันไม่ได้เป็นเรื่องของความเร็วครับ”

 

การบุกโจมตีในอาเซอร์ไบจัน

บางที งานที่ท้าทายที่สุดสำหรับแม็คคาร์ธีย์อาจจะเป็นกรอบเวลาจำกัดที่เขาจะต้องคิดคอนเซ็ปต์และสร้างรถออฟโร้ดห้าคันของฝ่ายตัวเอก ที่จะต้องปฏิบัติการบุกโจมตีรถขนส่งสินค้าความเร็วสูงท่ามกลางหุบเขาบาส กอยนุคในอาเซอร์ไบจัน ฉากเหล่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นการถ่ายทำสำหรับยูนิทที่สองของเรื่อง ที่รับมือกับฉากแอ็กชันจำนวนมหาศาล

ท้ายที่สุดแล้ว การประกอบรถ Fast มานานหลายปีก็ทำให้แม็คคาร์ธีย์และทีมงานมีทางลัดในการสร้างสิ่งที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาก็ตอบรับความท้าทายในการส่งมอบรถที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับการถ่ายทำ “ผมตื่นเต้นกับซีเควนซ์ออฟโร้ดครับ” แม็คคาร์ธีย์กล่าว “มันเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นมาหลายปีแล้ว มันเป็นหนึ่งในงานอดิเรกของผม ดังนั้น การได้เห็นเรื่องแบบนั้นในบทก็เป็นเรื่องเยี่ยม เราทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการสร้างรถพวกนี้ โดยเฉพาะรถชาร์จเจอร์ออฟโร้ด มันถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด การนำชิ้นส่วนคัสตอมทั้งหมดของเราจากรถออฟโร้ดใส่เข้าไปในโครงของรถชาร์จเจอร์ แต่ก็ยังเหลือพื้นที่มากพอสำหรับวินเป็นเรื่องท้าทายครับ มันอาจจะเป็นรถที่ผมชื่นชอบที่สุดใน Fast& Furious 7 ก็ได้”

แน่นอน เช่นเดียวกับใน Fast ทุกภาค มีการสร้างรถและโครงรถสำรองเอาไว้เพื่อรองรับการถ่ายทำของหลายๆ ยูนิท รวมถึงกลไกสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ ที่ทำให้วันและผู้กำกับภาพ สตีเฟน วินดอน สามารถถ่ายทำช็อตสวยๆ ที่กระชับ ของทีมนักแสดงได้ในตอนที่พวกเขาตีลังกา กลิ้งหลายตลบหรือร่วงลงจากที่สูง ทีมงานสเปเชียล เอฟเฟ็กต์ของซูดิคจะออกแบบกลไกหลายชิ้น ที่ทุกชิ้นถูกตั้งชื่ออย่างเหมาะสมตามหน้าที่เฉพาะของมัน เช่นตีลังกา หมุน สั่นและส่งตัว

ทีมนักแสดงยอมรับถึงความสัมพันธ์ทั้งรักทั้งเกลียดระหว่างพวกเขากับกลไกเหล่านั้น ทีมนักแสดงชุดเดิมรู้ดีว่าพวกเขาต้องเจอกับอะไร แต่นักแสดงใหม่สำหรับแฟรนไชส์นี้ก็ต้องพบกับประสบการณ์เปิดหูเปิดตา เอ็มมานูเอล นักแสดงหน้าใหม่สำหรับภาพยนตร์แนวแอ็กชัน กางแขนต้อนรับมันอย่างกระตือรือร้น แม้ว่าเธอจะเจอกับความขรุขระบนถนนอยู่บ้าง “ฉันตื่นเต้นที่ได้แสดงฉากสตันท์ของตัวเองค่ะ” เธอบอก “ทุกอย่างถูกอธิบายให้กับคุณ แต่คุณก็ยังคงเดินเข้าในฉากโดยยังไม่เข้าใจดีว่าจะเจอกับอะไรในแง่ของกลไก พวกมันเต็มไปด้วยจินตนาการและสนุกมากค่ะ วันหนึ่ง ฉันกับวินอยู่บนรถชาร์จเจอร์ออฟโร้ด และพวกเขาก็สั่นรถเราทั้งซ้ายขวา ทำให้เราตีลังกาหกคะเมน แล้วทุกคนก็คอยถามอาการเรา แต่ฉันสบายดีค่ะ มันเป็นแบบนี้ทุกวันจนถึงช็อตสุดท้ายของเรา ที่เราตีลังกาสามรอบ และฉันก็รู้ตัวอย่างรวดเร็วเลยว่านั่นคือขีดจำกัดของฉัน” เธอกล่าวกลั้วหัวเราะ “ฉันรู้สึกเหมือนจะอาเจียน แต่ก็เปล่าค่ะ”

ทีมนักแสดงชุดเดิมทุกคนต่างก็พบกับอาการคลื่นไส้และกล้ามเนื้อเคล็ดบ้างไม่มากก็น้อย ในขณะที่คนอื่นๆ กลับชื่นชอบและขอแสดงอีกครั้ง

 

การร่วงจากที่สูงในโคโลราโดและอริโซนา

ยอดเขาที่สูงชันในโคโลราโดเป็นสถานที่สำหรับฉากทีทีมงานและนักแสดงรู้จักในชื่อของซีเควนซ์ “คว้าและฉวย” มันเป็นหนึ่งในซีเควนซ์ที่ท้าทายที่สุด ที่มีการถ่ายทำจริงๆ เกิดขึ้น เป็นซีเควนซ์ที่ดอม, ไบรอันและลูกทีมพาตัวเอง (และรถของพวกเขา) ทะยานลงจากเครื่องบินขนส่ง C-130 ก่อนที่จะกางร่มชูชีพลงบนถนนบนภูเขา เพื่อจู่โจมรถขนส่งสินค้า

ยูนิทแอ็กชันของเรื่องเริ่มถ่ายทำฉากเหล่านี้ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2013 และอยู่ภายใต้การกำกับของผู้กำกับยูนิทที่สอง/ผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์ สปีโร ราซาทอส และผู้กำกับภาพยูนิทที่สอง อิกอร์ เม็กลิค (Fast Five, Fast & Furious 6) ร่วมกับผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์คนอื่นๆ แอนดี้ กิล (Fast & Furious 6) และแจ็ค กิล (Fast Five) [ผู้กำกับยูนิทที่สองร่วมกับโจเอล เครเมอร์] ผู้สร้างสูตรในการถ่ายทำและออกแบบซีเควนซ์แอ็กชันที่สร้างสรรค์และถ่ายทำอย่างแม่นยำและพัฒนาตัวเองขึ้นมาในแต่ละภาค เมื่อพวกเขาทำทุกอย่างเท่าที่พวกเขาคิดได้กับรถสตันท์ ทั้งสี่ก็จะอธิบายขั้นตอนให้ทีมของแม็คคาร์ธีย์ฟัง รถแต่ละคันจะถูกดัดแปลงสำหรับงานที่เฉพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็นการดริฟท์ การเร่งความเร็วจากฟุตบาธไปสู่การวิ่งตามถนนลูกรังที่ขรุขระ หรือแม้กระทั่งการเหินเวหาก่อนจะกางร่มชูชีพลงมาสู่พื้นดิน เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นไปได้ ทีมผู้สร้างเลือกที่จะถ่ายทำฉากนั้นจริงๆ เพื่อนำเสนอภาพที่ดอม, ไบรอันและลูกทีมปล่อยตัวจากเครื่องบิน C-130

ในช่วงสามวันในอริโซนา ด้วยการใช้เครื่องบิน C-130 เฮลิคอปเตอร์ติดกล้องและช่างกล้องเหินเวหา ยูนิทที่สองได้ปล่อยรถที่ไร้คนขับแต่ละคนลงไปแบบปฏิบัติการทางทหาร จากความสูงที่แตกต่างกันตั้งแต่ 10,000 – 12,000 ฟุต เพื่อบันทึกภาพที่ไม่เหมือนใครสำหรับซีเควนซ์นี้

ทีมงานยูนิทที่สองเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำในพื้นที่ราบสูงไพค์ พีคและภูเขาโมนาร์คในโคโลราโด แต่ระหว่างการถ่ายทำ สภาพอากาศที่คาดไม่ถึงทำให้พวกเขาต้องเสียศูนย์ ในตอนที่อุณหภูมิเยือกแข็ง บวกกับพายุหิมะที่โปรยปรายลงมาทำให้กองถ่ายมีหิมะสูงหลายฟุต ได้กลายเป็นอุปสรรคสำหรับนักแสดง ทีมงานและยวดยานพาหนะ

โชคดีที่สถานที่ถ่ายทำถัดไปของพวกเขาคือแอตแลนตา ที่มีสภาพอากาศอุ่นกว่า ที่ซึ่งพวกเขาได้พบกับยูนิทหลักเพื่อถ่ายทำการเผชิญหน้ากันในองก์ที่สาม ที่ชอว์, จาคันเด้และเคียทเผชิญหน้ากับดอม, ฮ็อบส์และลูกทีมอย่างอลังการ

2431_D047_00469

การหกคะเมนในอาบู ดาบี

ในขณะที่ซีเควนซ์ “คว้าและฉวย” เป็นเรื่องของความแรงของรถ ฉากของ Fast & Furious 7 ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็เป็นเรื่องของความงามและความเร็ว เมื่อพวกเขามาถึงอาบู ดาบี เมืองหลวงของหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก พวกเขาก็จัดหารถที่หรูหราที่สุดเท่าที่เงินทองจะซื้อได้ นั่นคือรถ 2015 ด็อดจ์ ชาร์จเจอร์ สีไวน์แดงสำหรับดอม ผู้ชื่นชอบรถคันยักษ์, รถแม็คลาเรน P1 สีฟ้าสำหรับไบรอัน ผู้ชื่นชอบรถต่างประเทศ, รถ 2014 ด็อดจ์ ไวเปอร์สีดำสำหรับเล็ตตี้, รถเฟอร์รารี 458 สีเหลืองสำหรับเทจและรถ 2012 บูกาตี เวย์รอนสีขาวสำหรับโรมัน

แต่สิ่งที่เป็นเพชรยอดมงกุฏจริงๆ สำหรับซีเควนซ์อาบู ดาบีคือดับบลิว มอเตอร์ส ไลแคน ไฮเปอร์สปอร์ต มูลค่าหลายล้านเหรียญ ที่ถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัยของเพนท์เฮาส์ 80 ชั้นของมหาเศรษฐี ที่ตั้งตระหง่านเหนือเมืองแห่งนี้ เหตุผลที่ดอมและลูกทีมของเขาบินมาครึ่งค่อนโลกงั้นหรือ? บังเอิญว่าเครื่องมือสะกดรอยของแรมซีย์ถูกฝังติดอยู่กับสปีดไดรฟ์ ที่ซ่อนอยู่ในรถซูเปอร์คาร์คันนี้น่ะสิ

รถไฮเพอร์ฟอร์แมนซ์ ที่เป็นที่หมายปองของใครหลายคนคันนี้ เป็นหนึ่งในรถที่เร็วที่สุดในโลก และมีการผลิตออกมาเพียงเจ็ดคันเท่านั้นในปี 2013 ไม่เพียงแต่มันจะเร็วสุดยอดเท่านั้น แต่มันยังถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มีระดับ ด้วยทองคำขาว เพชรและแซฟไฟร์ ไฮเปอร์สปอร์ต ที่มีมูลค่าสูงจนต้องถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัย มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ทีมผู้สร้างต้องการสำหรับรถในฉากนี้

ในการถ่ายทำ แม็คคาร์ธีย์สามารถจัดหารถจำลองมาได้ห้าคัน เพิ่มเติมจากรถออริจินอล รถจำลองจะรับงานหนัก ในขณะที่รถออริจินอลมูลค่า 3.5 ล้านเหรียญจะถูกใช้สำหรับช็อตโคลสอัพและช็อตที่เผยความงามอย่างใกล้ชิด

รถสวยๆ ที่เป็นอาหารสายตาคันอื่นๆ ซึ่งบางคันก็หายากและ/หรือไม่อาจประเมินมูลค่าได้ ก็ได้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากรถชาร์จเจอร์คันบึ้กแล้ว ดอมยังได้ขับรถ 1969 ฟอร์ด แกรนด์ โทริโนและรถยักษ์ที่มีชื่อเรียกว่า แม็กซิมัส อัลตรา-ชาร์จเจอร์ ซึ่งเป็นการปรับโฉมใหม่ของรถ 1968 ด็อดจ์ ชาร์จเจอร์ ด้วยล้อขนาดใหญ่และเครื่องยนต์ 2,000 แรงม้า ที่สะกดทุกสายตา แม็คคาร์ธีย์ได้ไปร่วมงานโชว์รถยนต์ของเอสอีเอ็มเอ (สมาพันธ์ตลาดอุปกรณ์พิเศษ) ในลาสเวกัสในตอนที่เขาได้พบกับรถคันนี้และรู้ว่าเขาเจอแจ็คพ็อตเข้าให้แล้ว เขากำลังมองหารถที่พิเศษสุดสำหรับดอมและก็พบรถหรูคันนี้ ที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งล้านเหรียญ

รถ 1970 พลายเมาธ์ บาร์ราคูดา ที่ดูร้อนแรงของเล็ตตี้ ซึ่งผู้ชมได้เห็นเสี้ยวหนึ่งของมันในฉากท้ายๆ ของ Fast & Furious 6 ทิ้งคู่ต่อสู้ของเธอไม่ติดฝุ่นในฉากการแข่งรถแบบใต้ดิน และรถ 1998 โตโยต้า ซูปรา ก็ได้ปรากฏในหนึ่งในฉากท้ายๆ ของ Fast & Furious 7 ด้วย

สเตแธมเองก็ไม่พลาดที่จะได้บังคับรถคันงามด้วยเหมือนกัน เขาได้ขับรถใช้งานความเร็วสูงหลายคัน ทั้ง 2014 จากัวร์ F-TYPE R, 2014 มาเซราติ จิบลิ, รถจู่โจมเร็วของทหาร, รถ 2010 ลัมบอร์กินี อาเวนทาดอร์และรถ 2008 แอสตัน มาร์ติน ดีบี 9

เอฟเฟ็กต์จริงถูกสร้างขึ้นจากฝีมือของซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ ไมเคิล เจ. วัสเซลและเคลวิน แม็คคิลเวน ผู้ทำงานให้กับแฟรนไชส์นี้มาตั้งแต่ Tokyo Drift หากไม่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมและแนบเนียนจากทีมงานของพวกเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงไม่น่าตื่นตาตื่นใจเท่าที่ปรากฏบนหน้าจออย่างแน่นอน

 

เมื่อถึงคราวสะสางบัญชีแค้น:

สตันท์ของเรื่อง

         ตั้งแต่การเผชิญหน้ากันครั้งสำคัญระหว่างดอมและฮ็อบส์ใน Fast Five การต่อสู้มือเปล่าก็กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในแต่ละภาค ด้วยการจับคู่ต่อสู้ที่น่าจดจำหลายครั้ง รวมถึงการที่ฮันและโรมันเผชิญหน้ากับจาห์ ที่รับบทโดยโจ ทัสลิม นักต่อสู้ศิลปะการต่อสู้ชาวอินโดนีเซียและการตะลุมบอนในเครื่องบินขนส่งสินค้าของแอนโทนอฟ แต่คู่ต่อสู้ที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป็นการสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายระหว่างเล็ตตี้และไรลีย์ ที่รับบทโดย จีนา คาราโน นักสู้ศิลปะการต่อสู้ผสมที่ผันตัวมาเป็นนักแสดง ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จนมันกลายเป็นจุดเปลี่ยนเกมสำหรับแฟรนไชส์นี้และยิ่งเพิ่มความคาดหวังที่แฟนๆ มีต่อเรื่องราวที่พวกเขาจะได้ดูต่อไปอีกด้วย

สำหรับ Fast & Furious 7 ทีมผู้สร้างได้เลือกหัวหน้าผู้ประสานงานฝ่ายสตันท์มากประสบการณ์ โจเอล เครเมอร์ (The Conjuring, Terminator Genisys) และผู้ออกแบบการต่อสู้ เจฟฟ์ อิมาดา (The Twilight Saga: Breaking Dawn—Part 2, Iron Man 2) ในการออกแบบและสร้างฉากแอ็กชันหลายฉาก ซึ่งรวมถึงซีเควนซ์ต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์หกซีเควนซ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ร่วมกับทีมนักแสดง และนักแสดงหน้าใหม่ของแฟรนไชส์และนักสู้กร้านสังเวียน สเตแธม, จาและเราซีย์

วัน ผู้คลั่งไคล้ภาพยนตร์แอ็กชัน มีหลักเกณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงว่าเขาต้องการจะนำเสนอแอ็กชันอย่างไร วันทำงานร่วมกับเครเมอร์, อิมาดาและวินดอน ในการคิดหาวิธีใหม่ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจในการถ่ายทำแอ็กชันความเร็วสูงจากทุกมุม มันเป็นความท้าทายต่อเนื่องสำหรับทีมงานที่จะผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ๆ แต่ก็รักษาฉากสตันท์เหล่านั้นให้อยู่ภายในบริบทของ Fast

ผู้กำกับเล่าถึงความท้าทายนั้นว่า “ผมอยากถ่ายทำฉากแอ็กชันต่อสู้ ที่เราปล่อยให้นักแสดงแสดงเอง โดยไม่สั่งคัทบ่อยเกินไป แล้วปล่อยให้กล้องจับภาพพวกเขาไปเรื่อยๆ ผมเป็นคนที่ชื่นชอบงานกล้องที่ใช้ไพโรเทคนิคส์ ผมก็เลยอยากนำสุนทรียศาสตร์บางอย่างที่ผมเคยใช้ในหนังทริลเลอร์ลุ้นระทึกมาใส่ลงในซีเควนซ์แอ็กชันใหญ่ๆ และผสมผสานสไตล์ทั้งสองเข้าด้วยกันน่ะครับ”

เครเมอร์เล่าถึงการตัดสินใจที่พิเศษสุดของวันว่า “เจมส์เล่าให้เราฟังว่าเขามองซีเควนซ์สตันท์ยังไง แต่เขาก็ให้อิสระเราในการสร้างมันขึ้นมา ผมไม่อยากจะเพิ่มเติมอาหารตาเข้าไปโดยไม่จำเป็นถ้ามันไม่มีประโยชน์ต่อตัวละครหรือเรื่องราว ซึ่งนั่นเป็นความชำนาญของเจมส์ครับ เขาถนัดเรื่องการวางเลเยอร์ของสิ่งที่เวิร์คสำหรับตัวละครและฉากนั้นๆ และสตีฟ [วินดอน] ก็มักคิดหาวิธีเยี่ยมๆ ในการถ่ายทำออกมาได้ครับ”

วิธีทำงานร่วมกันของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความอุตสาหะของนักแสดงเพื่อทำให้แน่ใจว่าผู้ชมที่สายตาเฉียบคมจะรู้ว่าพวกเขากำลังดูงานสตันท์ที่มีคนแสดงจริงๆ ไม่เพียงแต่อิมาดาจะใช้การต่อสู้หลายรูปแบบเท่านั้น แต่เขายังยกระดับมันด้วยการใช้สิ่งแวดล้อมรอบด้านเป็นองค์ประกอบร่วมด้วย โดยทุกแง่มุมจะถูกพิจารณาสำหรับการสร้างฉากแอ็กชันต่อสู้สุดมันส์

ซีเควนซ์ดุเดือดในช่วงเริ่มต้นเรื่องเป็นฉากของฮ็อบส์และชอว์ ชายสองคนที่ผ่านการฝึกทางทหารมาก่อนและอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์และความมั่นใจ ในการนำทั้งคู่มาประลองกำลังกันอย่างดุเดือด เทคนิคและความรุนแรงทางจิตใจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเตรียมผู้ชมให้พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

จอห์นสันและสเตแธม นักกีฬาผู้มีทักษะน่าประทับใจ ได้เผชิญหน้ากับในการต่อสู้สุดดุเดือด ที่แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวตามธรรมชาติและทักษะการต่อสู้ที่สูสีและผ่านการขัดเกลามาอย่างดีของพวกเขา นักแสดงทั้งสองทำงานอย่างใกล้ชิดกับอิมาดาเพื่อทำให้แน่ใจว่าฉากนั้นจะมีความออริจินอลและแปลกใหม่ จอห์นสันทุ่มเทสุดตัวเมื่อได้ร่วมงานกับสเตแธม ที่นิยมความเพอร์เฟ็กต์เหมือนกัน เขากล่าวว่า “สำหรับฉากแอ็กชันต่อสู้ เจสันได้นำความสมจริงมาสู่แฟรนไชส์นี้ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เป็นคนจริง เขาเป็นคนที่อยากทำให้ทุกฉากดูเหลือเชื่อ และผมก็แฮปปี้กับซีเควนซ์แอ็กชันที่พวกเราสามารถสร้างขึ้นมาได้ มันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวของการที่เจสันแสดงให้เห็นเทคนิคศิลปะการต่อสู้ที่เขาชำนาญ และการที่ฮ็อบส์ ตัวละครของผม ต่อสู้แบบฮาร์ดคอร์ ตรงไปตรงมา ตั้งแต่วันแรก เราก็สื่อสารกันแบบทางลัดและเสนอไอเดียกลับไปกลับมากันครับ มันช่วยยกระดับแอ็กชันให้ดียิ่งขึ้น”

ซีเควนซ์ที่ท้าทายที่สุดสำหรับพวกเขาอยู่ภายในพื้นที่จำกัดของรถบัส ที่เร่งความเร็วจนหยุดไม่อยู่ในเหตุการณ์ “คว้าและฉวย” มันเป็นเรื่องท้าทายเป็นพิเศษสำหรับจา ผู้ซึ่งการวิ่ง กระโดดและม้วนตัวเป็นส่วนสำคัญในสไตล์ของเขา

กุญแจสำคัญในแนวทางของอิมาดาคือการเน้นความชำนาญของนักแสดงในการออกแบบ “เป้าหมายของผมคือการใช้พื้นที่แคบๆ ที่จำกัด และทำให้ผู้ชมได้รู้สึกถึงแอ็กชันยอดเยี่ยม ที่โทนีจะโชว์ท่าไม้ตายของเขาได้” ผู้ออกแบบการต่อสู้บอก “เป็นเรื่องดีที่เราได้ใช้เทคนิคดั้งเดิม แต่เราก็ใช้มันแบบหลวมๆ และเพิ่มการอิมโพรไวส์เข้าไป ตามความจำเป็นในฉากนั้นๆ ตัวละครแต่ละตัวใช้ทักษะการต่อสู้ผสมผสานกับไหวพริบของตัวเอง โดยใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมรอบด้าน มันเป็นการต่อสู้ที่เจ๋งมากๆ ครับ”

อีกครั้งหนึ่งที่เล็ตตี้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ข้างถนนของเธอเมื่อเธอเผชิญหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยผู้หญิงสี่คน ที่นำทีมโดยคารา ที่งานเลี้ยงของมหาเศรษฐี ที่ดอมและลูกทีมไปก่อความวุ่นวาย สำหรับซีเควนซ์นี้ โรดริเกซได้สวมชุดราตรีสีแดงตัดใหม่ ที่ออกแบบโดยผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เฮย์ส ที่ทำให้เธอมีเสน่ห์เย้ายวนและความคล่องตัว

ในส่วนของเธอ เราซีย์ แชมเปียนยูเอฟซี ได้สวมชุดราตรีแอร์เว เลเชรัดรูป ซึ่งถูกดัดแปลงเพื่อให้นักสู้สาวเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้คือนักแสดงหญิงทั้งคู่สวมส้นสูงตลอดการต่อสู้ ซึ่งเริ่มต้นในห้องนอนของเพนท์เฮาส์ก่อนที่จะมาลงเอยในงานเลี้ยง เช่นเดียวกับการต่อสู้ทุกครั้ง อิมาดาได้ออกแบบการต่อสู้ที่ฉับไว ซึ่งเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่งจากคู่ต่อสู้ทั้งสอง

เช่นเดิมกับที่เคยทำมาสำหรับฉากแอ็กชันของเรื่อง โรดริเกซได้กระโจนเข้าใส่การฝึกฝนร่างกายและการต่อสู้อย่างกระตือรือร้น บางครั้ง เธอฝึกวันละสองครั้งด้วยซ้ำไป เครเมอร์และอิมาดาปลาบปลื้มกับความกระตือรือร้นของเธอและสอนให้เธอรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของคอนเซ็ปต์และหลักการของสิ่งที่เธอจะต้องเจอ โรดริเกซชำนาญในเรื่องการตอบสนองและตอบโต้สิ่งที่มาปะทะเล็ตตี้ในตอนที่เธอเผชิญหน้ากับนักสู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี

ผู้ที่ร่วมแสดงฉากแอ็กชันต่อสู้เป็นครั้งแรกคือบริดเจส ผู้ยินดีกับการได้เห็นเทจออกแรงมากขึ้นทั้งในและนอกรถ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริดเจสเป็นผู้ที่หลงใหลในเทคนิคศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า 52 บล็อค (หรือเจลเฮาส์ ร็อค) เขารู้สึกผ่อนคลายเมื่อเขาและสตันท์แมนผู้คร่ำหวอดในวงการ แมทท์ เลียวนาร์ด ได้ซ้อมการต่อสู้ของพวกเขา พวกเขาร่วมมือกับอิมาดาในการผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ ของสไตล์ดังกล่าว ที่มีรากฐานจากท้องถนน เข้าไปในฉากนั้นด้วย บริดเจสกล่าวว่า “ศิลปะการต่อสู้แขนงนี้มีประวัติที่ยอดเยี่ยมและหลายคนก็ไม่รู้จักว่ามันคืออะไร มันเร็วมากๆ และมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องโดยใช้เข่า ศอกและหัวน่ะครับ”

สุดท้ายคือการเผชิญหน้ากันในองก์ที่สามระหว่างดอมและชอว์ ซึ่งมีความตั้งใจทำให้เป็นแบบการต่อสู้ข้างถนนในแอลเอ มันเป็นความท้าทายที่ดอมยื่นให้กับชอว์ ผู้ยินดีตอบรับด้วยการวางปืนลง และเข้าห้ำหั่นกับชายผู้เป็นตัวการทำให้น้องชายเขาต้องตาย การต่อสู้เพิ่มระดับจากศูนย์ไปสู่ความมันส์เต็มรูปแบบภายในเวลาไม่กี่วินาทีในตอนที่ดอม ผู้เต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นจากความต้องการจะคุ้มครองครอบครัวของเขา ตรงเข้าสู้กับชอว์ มือสังหารเลือดเย็นที่ล้างแค้นให้กับครอบครัวของเขา

สเตแธมบอกว่า “Fast & Furious 7 เต็มไปด้วยฮอร์โมนเทสโทสเตโรน และวิธีการแสดงมันออกมาได้ดีที่สุดคือการปล่อยหมัดลุ่นๆ นั่นเป็นวิธีที่ผู้ชมอยากจะเห็น และนั่นก็เป็นวิธีแบบที่ชอว์และทอร์เร็ตโต้อยากจะทำครับ”

ดีเซล ผู้ให้ความสำคัญกับการรักษาระดับความฟิตของร่างกายอยู่เสมอ ยกระดับการฝึกฝนของตัวเองมากขึ้นไปอีก โดยเขามักจะออกกำลังกับจาในช่วงพักเพื่อทำให้แน่ใจว่าซีเควนซ์นั้นจะออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เครเมอร์เล่าว่า “วินเป็นคนแกร่งและแสดงฉากต่อสู้ทั้งหมดด้วยตัวเอง เขาเป็นคนที่มีระเบียบมากๆ ในตอนที่วิเคราะห์แต่ละฉากเป็นส่วนๆ เขาจะหาคำตอบเรื่องตัวละคร ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ และเราก็จะอธิบายท่าต่อสู้ให้เขาฟัง เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น เขาเรียนรู้ได้เร็วมาก แล้วเราก็ฝึกกันก่อนจะแสดงซีเควนซ์นั้นๆ การทำงานกับเขาเป็นเรื่องยอดเยี่ยมครับ”

2431_D015_00593R

ลอสแองเจลิสสู่อาบู ดาบี:

โลเกชันและการออกแบบ

         หลังจากใช้ชีวิตแบบนักโทษหนีคดีมาหลายปี ในที่สุด พวกเขาก็ได้กลับลอสแองเจลิส แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนแสนแพง การสูญเสียจิเซล (แกล กาโดท์) และความลำบากของเล็ตตี้ในการประสานปัจจุบันของเธอกับอดีตที่พร่าเลือน ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างมาก

การกลับแอลเอ ที่ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น เป็นสิ่งที่ทีมนักแสดงต้องการพอๆ กับตัวละครบนหน้าจอของพวกเขา แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น มันเป็นเรื่องจำเป็นที่พวกเขาจะต้องกลับไปเยือนโลเกชันที่เป็นที่จดจำอย่างบ้านทอร์เร็ตโต้ ด้านนอกของด็อดจ์เจอร์ สเตเดียม ท้องถนนที่ว่างเปล่ายามค่ำคืนทางตะวันออกของย่านดาวน์ทาวน์ และทะเลทรายร้อนระอุสำหรับการแข่งรถแบบใต้ดิน

การที่ดอม, ไบรอัน, เล็ตตี้และไมอาได้กลับบ้านที่ลอสแองเจลิสเป็นสิ่งที่ดีเซลพูดถึงว่าเป็น “การกดปุ่มรีเซ็ท” สำหรับพวกเขาที่เริ่มต้นการผจญภัยบนท้องถนน นครแห่งนางฟ้าแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญของพวกเขา และการกลับมาก็เป็นการจุดประกายเรื่องราวของพวกเขาใหม่อีกครั้ง เหมือนกับที่มันเคยทำในภาคหนึ่งถึงภาคสี่ และมาถึงภาคเจ็ดของแฟรนไชส์นี้ มันเป็นการรำลึกถึงความหลังที่หวานปนขมสำหรับดีเซลเมื่อแอลเอกลายเป็นแบ็คดร็อปของเรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง

นักแสดงหนุ่มอธิบายถึงความสำคัญของการเน้นย้ำถึงประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่คนในฮอลลีวูดจะได้แสดงซีเควลและได้กลับมาสู่โลเกชันเดิมหลายครั้ง การกลับไปลอสแองเจลิสเพื่อถ่ายทำที่โลเกชันเก่าๆ พวกนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่าดอม, ไบรอัน, เล็ตตี้และไมอาสามรถกลับบ้านได้ และมันก็ให้ความรู้สึกที่ทรงพลังในการได้ทำแบบนี้ในภาคเจ็ด เพราะมันได้ร้อยเรียงทั้งแฟรนไชส์นี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว มันเริ่มต้นที่นี่ และมันก็จบลงที่นี่ โดยมีแอลเอเป็นแบ็คดร็อป ผมภูมิใจกับยูนิเวอร์แซล ที่ทำให้แน่ใจว่าเราจะนำเสนอมันออกมาอย่างเหมาะสมครับ”

บางที โลเกชัน Fast ที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดก็คือบ้านของครอบครัวทอร์เร็ตโต้ ซึ่งเป็นเหมือนหัวใจที่ร้อยเรียงเนื้อเรื่องต่างๆ ของแฟรนไชส์ไว้ด้วยกัน สำหรับ Fast & Furious 7 บ้านหลังนี้ได้พบกับจุดจบเมื่อการจู่โจมของชอว์ทำให้ดอม, ไมอา, ไบรอันและแจ็คตกอยู่ในอันตราย มันเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสะเทือนใจสำหรับดอม ที่กระตุ้นให้เขาเริ่มเคลื่อนไหว

หลังจากภาคแรก บ้านหลังนี้ก็ได้ปรากฏตัวในระยะเวลาสั้นๆ ใน Fast & Furious และ Fast & Furious 6 ผ่านมากว่าสิบปีและเจ้าของบ้านหลายคน บ้านเอโค ปาร์คก็จะกลายเป็นสถานที่ถ่ายทำสำคัญอีกครั้งหนึ่ง และก็จะต้องมีการสร้างโรงรถของดอม ซึ่งเป็นที่พักพิงใจสำหรับเขา ที่ด้านหลังของบ้านอีกครั้งหนึ่ง โครงสร้างเดิมถูกเจ้าของบ้านคนเก่ารื้อถอนไปแล้ว ซึ่งหมายถึงทีมงานจะต้องประกอบฉากนี้ขึ้นมาอีกครั้งจากชิ้นส่วนที่สตูดิโอเก็บไว้หลังจากถ่ายทำ Fast & Furious โชคดีที่ภายในบ้านยังคงเหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่

บรูว์สเตอร์กล่าวว่า “ในฐานะนักแสดง สิ่งที่สนุกเกี่ยวกับการถ่ายทำที่บ้านหลังนั้นอีกครั้งคือการได้กลับเห็นว่าละแวกนั้นเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน แต่คุณก็จะได้เห็นว่าตลาดครอบครัวทอร์เร็ตโต้ยังคงอยู่ตรงถนนนั้น…หรือการเข้าไปบ้านหลังนั้นแล้วความทรงจำก็หลั่งไหลออกมา การถ่ายทำที่บ้านทอร์เร็ตโต้เหมือนกับการรื้อฟื้นความหลังค่ะ มันเป็นเรื่องพิเศษสุดมากที่ได้ทำแบบนั้นในโลเกชันจริงๆ มันเป็นอะไรที่บริสุทธิ์มากๆ ค่ะ”

อีกหนึ่งโลเกชันแบบนั้นคือแบ็คดร็อปทะเลทรายของการแข่งรถแบบใต้ดิน มันกลายเป็นหนึ่งในวันถ่ายทำที่โหดร้ายแต่ก็น่าพึงพอใจที่สุด โดยเฉพาะสำหรับดีเซลและโรดริเกซ ฉากการแข่งรถแบบใต้ดินใน Fast & Furious 7 ถูกถ่ายทำในเดือนกรกฎาคม ปี 2014 ห่างจากลอสแองเจลิสไปทางตอนเหนือ 70 ไมล์ โดยมีตัวประกอบและรถนับร้อยๆ สู้กับสภาพอากาศที่พุ่งสูงกว่าร้อยองศา ชมรมคนรักรถและผู้ชื่นชอบรถยนต์ รวมถึงแฟนๆ ของแฟรนไชส์นี้จากทั่วประเทศได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อแฟรนไชส์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เจ้าของรถคันแล้วคันเล่ายกย่องภาพยนตร์เรื่อง The Fast and the Furious ว่าเป็นภาพยนตร์สำคัญสำหรับพวกเขา ในขณะที่คนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำ และเพื่อได้เห็นดีเซลและโรดริเกซ นักแสดงทั้งสองยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจกับปฏิกิริยาตอบสนองที่ท่วมท้นของแฟนๆ และมันก็ทำให้พวกเขาตระหนักถึงผลกระทบยิ่งใหญ่ที่แฟรนไชส์นี้มีต่อป๊อปคัลเจอร์ ระหว่างช่วงพักกอง ดีเซลและโรดริเกซจะเดินผ่านฝูงชน เพื่อชื่นชมรถ ถ่ายรูปและแจกลายเซ็น

“มันเป็นช่วงเวลาที่เซอร์เรียลและน่าพึงพอใจมากๆ ที่ได้กลับมาสู่การแข่งรถแบบใต้ดินอีกครั้งครับ” ดีเซลเล่า “แฟนๆ ตะโกนบทพูดจากภาคแรกออกมาด้วยความเคารพและยกย่อง มันเป็นตัวรับประกันคุณภาพจริงๆ อย่างหนึ่งที่คุณไม่อาจใช้เงินซื้อได้ และทำให้คุณตระหนักว่าแม้ว่ามันจะเป็นแค่หนังเรื่องหนึ่ง แต่มันก็มีผลกระทบในแง่บวกที่ทำให้คนชื่นชอบมันน่ะครับ”

กลิ่นไอความดิบเถื่อน นอกกฎหมายของการแข่งรถแบบใต้ดินใน The Fast and the Furious ซึ่งสะกดใจแฟนๆ ด้วยสาวสวยเซ็กซีในชุดวาบหวิว บวกกับรถซิ่งสุดเท่ และนักซิ่งที่แข่งกันเพื่อชิงรางวัล ได้เติบโตขึ้น การแข่งขันในยุคปัจจุบันยังคงรักษาการเฮฮาปาร์ตี้กับสาวสวยและรถซิ่งเอาไว้ แต่มันก็มีความเป็นทางการมากขึ้นน ด้วยการแสดงมอเตอร์ไซค์ผาดโผน ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ การดริฟท์ และการประลองความเร็วทางตรง ด้วยรถในที่นั้นกว่า 300 คัน

อีกครั้งหนึ่งที่ความรอบรู้และประสบการณ์ของแม็คคาร์ธีย์เกี่ยวกับการแข่งขันรถที่โด่งดังทั้งหลาย เช่นคิงส์ ออฟ เดอะ แฮมเมอร์ เป็นประโยชน์ต่อทีมผู้สร้างในตอนที่พวกเขาต้องการจะจัดการแข่งรถแบบใต้ดินขึ้นมาใหม่หลังจากซีเควนซ์ออริจินอลเกือบ 15 ปี

ผู้ออกแบบงานสร้างบิล เบรสกี้จะดูแลงานวิชวลสำหรับการแข่งรถแบบใต้ดินเวอร์ชันอัพเดท ที่เงาวับเป็นประกายนี้ ซึ่งเทียบได้กับความอลังการของการแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีมสุดระทึกส่วนใหญ่

การถ่ายทำหลักเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายน ปี 2013 ในแอตแลนตา ที่ซึ่งทีมงานและนักแสดงเคยถ่ายทำ Fast Five มาแล้ว มีการสร้างฉากภายในและฉากกรีนสกรีนภายนอกขึ้นมาหลายฉากทางตอนเหนือของแอตแลนตา ซึ่งรวมถึงพื้นที่จัดงานเลี้ยงหรูหราในเพนท์เฮาส์ที่อาบู ดาบีและฉากห้องนอน รวมถึงโรงงานซีเมนต์และออฟฟิศของฮ็อบส์ ซึ่งถูกพังกระจุยด้วยการซัดกันแบบไม่เลี้ยงระหว่างฮ็อบส์และชอว์ นอกจากนั้น ยังมีการถ่ายทำฉากภายนอกของเพนท์เฮาส์ที่อาบู ดาบี รถกันกระสุนและเฮลิคอปเตอร์สอดแนมของจาคันเด้ที่สถานที่แห่งนี้อีกด้วย

ทีมผู้สร้างไม่ลืมที่จะใส่เอา “งานเลี้ยงจูนเนอร์” ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เรื่อยๆ ในแฟรนไชส์นี้ เข้าไปด้วย การแข่งรถแบบใต้ดินได้สร้างมาตรฐานให้กับ The Fast and the Furious และแต่ละภาคที่ตามมาก็แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ไมอามี, โตเกียว, ลอสแองเจลิส, ริโอ เดอ จาเนโรและลอนดอนสามารถนำเสนอได้ เวอร์ชันของ Fast & Furious 7 เป็นภาพที่หรูหราและมีความเป็นนานาชาติ แม้ว่าสาวสวยเซ็กซีและรถสุดเจ๋งจะยังคงเป็นศูนย์กลางความสนุกสนานไม่เปลี่ยน

ฉากงานเลี้ยงที่เพนท์เฮาส์ในอาบู ดาบีเป็นหนึ่งในฉากที่ถ่ายทำแล้วสนุกที่สุดสำหรับทีมงานและนักแสดง ในฉากที่เกิดขึ้นภายในเพนท์เฮาส์หรู 80 ชั้นของเจ้าชายจอร์แดน ทีมพระเอกได้บุกเข้าไปในงานเลี้ยงเพื่อแย่งชิงฮาร์ดไดรฟ์ที่เก็บเครื่องมือสะกดรอยเอาไว้

กลุ่มนักแสดงตัวประกอบในชุดหรู แดนเซอร์ที่เพนท์สีทองตามตัว นักแสดงสตันท์รวมหลายร้อยชีวิตและรถไลแคนสีแดงสุดเซ็กซีได้ร่วมปรากฏตัวในฉากนี้ด้วย แร็ปเปอร์ ที-เพน ร่วมวงในฐานะดีเจของงานเลี้ยงและทีมงานก็ใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ในการออกแบบฉากนี้อย่างวิจิตรบรรจง เพื่อเผยให้เห็นถึงวิถีของมหาเศรษฐีในการจัดงานเลี้ยง นอกจากนี้ ฉากนี้ยังถูกออกแบบและสร้างมาเพื่อให้ทนต่อการที่นักซิ่งสตันท์จะเร่งความเร็วรถและดริฟท์ผ่านฉากนี้ในขณะที่นักแสดงสตันท์ในชุดหรูจะก้มตัวหลบ วิ่งหนี หรือกระโดดหลบให้พ้นทาง

อาบู ดาบีเป็นโอกาสให้ทีมผู้สร้างได้ใส่เอาองค์ประกอบและโลเกชันที่น่าทึ่งยิ่งกว่าเข้าไปในแฟรนไชส์นี้ ระหว่างการถ่ายทำทุกภาคที่ผ่านมา ได้มีการใส่สถานที่ที่รุ่งโรจน์ไปด้วยวัฒนธรรมรถเข้าไปในเรื่องราวด้วย มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่ตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นที่พำนักของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกหลายคน ที่มีรสนิยมชื่นชอบของคุณภาพดี ซึ่งรวมถึงรถซิ่ง จะปรากฏอยู่ในแฟรนไชส์ที่สร้างขึ้นจากความเร็วเรื่องนี้ด้วย

วันเล่าว่า “โลเกชันในอาบู ดาบีน่าทึ่งมาก มันช่วยเพิ่มคุณค่าทางการถ่ายทำให้กับหนังเรื่องนี้และทำให้มันงดงามจริงๆ เราอยากจะสร้างสมดุลระหว่างความหรูหราในบริเวณนี้ของโลกและสิ่งที่เป็นไปตามวัฒนธรรมดั้งเดิมมากกว่า เพื่อเพิ่มกลิ่นไอเหล่านั้นเข้าไปในหนัง มันแตกต่างจากสิ่งที่แฟนๆ Fast & Furious เคยเห็นมาก่อน และมันก็เป็นพัฒนาการตามธรรมชาติของแฟรนไชส์เรื่องนี้ด้วยครับ”

ตลอดเวลาสองสัปดาห์ของการถ่ายทำในเดือนเมษายน ปี 2014 ทีมงานได้ปักหลักที่บริเวณนอกเมืองอาบู ดาบี ในทะเลทรายลีวา รวมถึงใจกลางเมือง ในโลเกชันอย่างมัสยิดชีค ซาเย็ด, โรงแรมเอมิเรทส์ พาเลซ (อดีตพระราชวัง), หอคอยเอธิฮัดและยาส มารินา แน่นอนว่าช็อตกลางอากาศเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เนื่องด้วยทิวทัศน์ตึกระฟ้าของเมืองนี้ที่ใครๆ ก็จดจำได้นั่นเอง

การปรากฏตัวของทีมนักแสดงระดับแนวหน้าในอาบู ดาบี ดึงดูดความสนใจมหาศาลและทำให้มีเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์เสด็จเยือนกองถ่ายด้วย โชคดีที่นักแสดงแต่งตัวอย่างเต็มยศในชุดจากดีไซเนอร์ชื่อดังสำหรับการถ่ายทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทอม ฟอร์ด (ดีเซล, บริดเจส, กิ๊บสัน) ไปจนถึงแอร์เว เลเช (เอ็มมานูเอล) การอัพเกรดนี้เป็นครั้งแรกสำหรับทีมนักแสดงของ Fast ผู้เคยชินกับการถ่ายทำในเสื้อผ้าบ้านๆ อย่างเสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าบู๊ททำงานและแจ็คเก็ตหนัง

โอกาสในการได้แต่งตัวสวยๆ สำหรับหนึ่งในฉากการโจรกรรมที่ท้าทายที่สุดของแฟรนไชส์ เป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชอบ โรดริเกซเล่าว่า “ฉันคิดว่ามันเยี่ยมไปเลยค่ะ ขอบคุณคริส [มอร์แกน] ที่คิดฉากนี้ขึ้นมา มันผ่านมา 14 ปีแล้ว และทิมเบอร์แลนด์กับเสื้อกล้ามมันเจ๋งก็จริง แต่คุณจะแต่งตัวเหมือนช่างเครื่องไปได้ซักกี่น้ำกันล่ะคะ คุณจะต้องเลิกใส่มันบ้างและดูว่ามันจะพาคุณไปทิศทางไหนต่อ ฉันชอบการแปลงโฉมค่ะ”

เช่นเดียวกับ Fast สามภาคทีผ่านมา ไม่ว่าบทภาพยนตร์ของมอร์แกนจะพาพวกเขาไปยังสถานที่ไกลเพียงไหน ทีมงานและนักแสดงก็มักจะกลับบ้านเพื่อใช้เวลาช่วงสุดท้ายของการถ่ายทำทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย Fast & Furious 7 ก็ไม่ต่างกัน เมื่อดีเซลและโรดริเกซใช้เวลาวันสุดท้ายของการถ่ายทำไปกับการซิ่งรถไปตามถนนสายชนบท

สิ่งที่พิสูจน์ถึงธีมที่สำคัญที่สุดของเรื่องอย่างสายสัมพันธ์ของครอบครัวในแฟรนไชส์ Fast & Furious ได้ดีที่สุดได้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเรียบง่ายที่สุดในตอนที่แสงอาทิตย์เริ่มดับลงในภาคเจ็ด ดอมและลูกทีมได้ตัดสินใจเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัว ดีเซลสรุปว่า “ตอนที่คุณดู Fast & Furious 7 คุณจะได้เห็นว่าธีมที่ถูกริเริ่มหรือบ่มเพาะเอาไว้ในภาคก่อนๆ ได้เวียนมาบรรจบครบรอบในภาคนี้ ในหลายๆ แง่มุม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือครอบครัวของเรานี่แหละครับ”

 

การซิ่งสุดเหวี่ยง:

ดนตรีประกอบภาพยนตร์

         นอกจากเรื่องของสตันท์และรถยนต์แล้ว ภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ Fast & Furious ยังเป็นที่รู้จักจากดนตรีทันสมัยของพวกเขาอีกด้วยและ Fast & Furious 7 ก็ไม่ได้ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง ด้วยการคัดเลือกเพลงจากศิลปิน R&B และฮิปฮ็อปที่ทรงพลังและทรงอิทธิพลมากที่สุดในปัจจุบัน ดนตรีและเนื้อเพลง ที่ช่วยขับเน้นแอ็กชันลุ้นระทึกและช่วงเวลาส่วนตัวระหว่างตัวละครของเรา มักจะดึงดูดและสร้างความแปลกใจให้กับผู้ชมเสมอ ไบรอัน ไทเลอร์ ผู้ประพันธ์เพลง ที่เริ่มต้นทำงานในแฟรนไชส์นี้ใน Tokyo Drift ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในแต่ละภาคด้วยซาวน์ที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับตัวละครและการเดินทางของพวกเขา

ซาวน์แทร็คของเรื่อง ที่ประกอบไปด้วย “Go Hard or Go Home” สุดมันส์จากวิซ คาลิฟาและอิกกี้ อาซาเลีย (ผู้รับบทคามีโอเป็นนักซิ่งคนหนึ่ง) และเพลงคึกคัก “Ride Out” จากคิด อิงค์, วาย.จี., เวล, ไทกา และริช โฮมี ควอน ตลอดจนเพลงรักเร่าร้อน “My Angel” ของปรินซ์ รอยซ์และ “Off-set” ที่น่าจดจำจากที.ไอ. แอนด์ ยัง ทัก รุ่มรวยไปด้วยช่วงเวลาที่สะท้อนถึงความตึงเครียดและพลังของเหล่าตัวเอกของเราและอุปสรรคทั้งหลายที่พวกเขาต้องฝ่าฟัน

ในส่วนตัวเขา วิซ คาลิฟาไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับครอบครัว Fast เพราะเขาเคยร่วมมือกับทู เชนซ์มาก่อนในเพลงแอนธีม “We Own It” ของ Fast & Furious 6 นอกจากนั้น เขายังได้ร่วมมือกับชาร์ลีย์ พัธ ศิลปินที่โด่งดังจาก YouTube ในการร้องเพลง “See You Again” เพลงบัลลาดเคล้าเสียงเปียโนสะเทือนอารมณ์ ที่ขับเน้นถึงการให้ความสำคัญต่อสายสัมพันธ์ครอบครัวของแฟรนไชส์นี้

โฟล ริดา (ฟีเจอร์ริง เซจ เดอะ เจมิไน แอนด์ ลูคัส) ได้ใช้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเขากับเพลง “GDFR (Noodles Remix)” ในขณะที่จุยซี เจ, เควิน เกทส์, ฟิวเจอร์ และเซจ เดอะ เจมิไน ได้ร้องเพลงที่จริงจัง “Payback” ที่มีเนื้อเพลงอย่าง “อย่าทำเหมือนว่าคุณไม่รู้ ว่าฉันมาเพื่ออะไร มันสายเกินกว่าจะหันหลังกลับ นี่คือการเอาคืน” ซึ่งอาจจะถูกหยิบยกมาจากไดอะล็อคที่กินใจ ที่สร้างชื่อให้กับบทภาพยนตร์ของมอร์แกนมาแล้ว

นอกจากนั้น ซาวน์แทร็คของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังประกอบไปด้วย “How Bad Do You Want It (Oh Yeah)” โดยเซวิน สตรีทเตอร์, “Get Low” ของดิลอน ฟรานซิสและดีเจ สเนค, “Six Days (Remix)” ของดีเจ ชาโดว์ (ฟีเจอร์ริง มอส เดฟ), “Ay Vamos” โดยเจ. บัลวิน (ฟีเจอร์ริง เฟรนช์ มอนทานาและนิคกี้ แจม), “Meneo” โดยฟิโต้ บลังโก้และ “I Will Return” โดยสกายลาร์ เกรย์ ท้ายที่สุด เดวิด กูเอ็ตต้าก็ได้ใส่งานอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเข้าไปใน “Blast Off” โดยคัซ เจมส์

นอกจากนั้นแล้ว ซาวน์แทร็คของ Fast & Furious 7 ที่อำนวยการผลิตโดยเควิน วีฟเวอร์ เจ้าของรางวัลแกรมมี อวอร์ดและไมค์ คาเรน ประธานฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินทั่วโลกของวอร์เนอร์ มิวสิค กรุ๊ป ยังรวมถึง “Turn Down for What” เพลงฮิตทั่วโลกจากดีเจ สเนคและลิล จอนด้วย

****

         ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ร่วมกับเอ็มอาร์ซี ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยออริจินอล ฟิล์ม/วัน เรซ ฟิล์มส์ การแสดงของวิน ดีเซล, พอล วอล์คเกอร์, ดเวย์น จอห์นสันใน Fast & Furious 7 นำแสดงโดยมิเชลล์ โรดริเกซ, ไทริส กิ๊บสัน, คริส “ลูดาคริส” บริดเจส, จอร์แดนา บรูว์สเตอร์, ดิมอน ฮันซู ร่วมด้วยเคิร์ท รัสเซลและเจสัน สเตแธม ดนตรีของภาพยนตร์เรื่องนี้โดยไบรอัน ไทเลอร์และออกแบบเครื่องแต่งกายโดยซันจา มิลโควิค เฮย์ส Fast & Furious 7 ลำดับภาพโดยคริสเตียน แว็กเนอร์และออกแบบงานสร้างโดยบิล เบรสกี้ ผู้กำกับภาพของเรื่องคือสตีเฟน เอฟ. วินดอน, เอเอสซี และควบคุมงานสร้างโดยอแมนดา ลูอิส, ซาแมนธา วินเซนต์, คริส มอร์แกน แอ็กชันทริลเลอร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากตัวละครโดยแกรี สก็อต ธอมป์สัน อำนวยการสร้างโดยนีล เอช. มอริทซ์, พี.จี.เอ., วิน ดีเซล, ไมเคิล ฟอทเทรล Fast & Furious 7 เขียนบทโดยคริส มอร์แกนและกำกับโดยเจมส์ วัน © 2015 Universal Studios.www.furious7.com

 

 

 

 

ประวัตินักแสดง

วิน ดีเซล (Vin Diesel) รับบท โดมินิค ทอร์เร็ตโต้/อำนวยการสร้าง

วิน ดีเซล ชาวนิวยอร์ก ซิตี้ กลายเป็นหนึ่งในดาราภาพยนตร์ที่เป็นที่ต้องการตัวสูงสุดในฮอลลีวูด นอกเหนือจากความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศของเขาแล้ว ดีเซลยังเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างชื่อดังอีกด้วย ปลายปีนี้ เขาจะได้นำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Last Witch Hunter ที่เขารับหน้าที่อำนวยการสร้างด้วย ล่าสุด เขาได้นำแสดงและอำนวยการสร้างภาคสามของแฟรนไชส์  The Chronicles of Riddick ที่มีชื่อว่า Riddick อีกด้วย

ในปี 2013 เขาได้แสดงใน  Fast & Furious 6 ภาคหกของแฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์ The Fast and the Furious รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง Fast Five (2011) และ Fast & Furious (2009) ด้วย เขาได้ทำหน้าที่หลายอย่างในโปรเจ็กต์ทั้งสามเรื่อง โดยเขาได้กลับมารับบท โดมินิค ทอร์เร็ตโต้อีกครั้งและได้ทำหน้าที่อำนวยการสร้างภาพยนตร์ทั้งสามภาค ร่วมกับนีล เอช. มอริทซ์ นอกจากนี้ เขายังได้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่อง Los Bandoleros อีกด้วย ภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่องนี้ ซึ่งรวมอยู่ในดีวีดี Fast &Furious บอกเล่าความหลังที่น่าสนใจของตัวละครและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเหตุโจรกรรมรถบรรทุกน้ำมันที่ดุเดือดในเรื่อง

อีกหนึ่งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จของดีเซลคือการสร้าง ไทกอน สตูดิโอส์ บริษัทเกมที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งสร้างและอำนวยการผลิตเกม Xbox ขายดีประจำปี 2004 The Chronicles of Riddick: Escape From Butcher Bay

ก่อนหน้านี้ เขาได้แสดงประกบมิเชลล์ โหยวในภาพยนตร์โดยทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์เรื่อง Babylon A.D. สำหรับผู้กำกับมาติเยร์ คัสโซวิทซ์ ในทริลเลอร์เรื่องนี้ เขารับบทอดีตทหารผ่านศึกที่ผันตัวไปเป็นทหารรับจ้าง และเขาก็รับงานความเสี่ยงสูงในการพาตัวผู้หญิงคนหนึ่งจากรัสเซียไปยังประเทศจีน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอมีชิ้นส่วนที่พวกลัทธิต้องการใช้ผลิตผู้ช่วยให้รอดที่ดัดแปลงทางพันธุกรรมขึ้นมา

นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในดรามาศาลเรื่อง Find Me Guilty ที่กำกับโดยผู้กำกับชื่อดัง ซิดนีย์ ลูเม็ต ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในยุค 80s บันทึกการไต่สวนสมาชิก 20 คนของตระกูลมาเฟียที่ยาวนานถึง 3 ปีและเป็นที่รู้จักไปทั่ว เขาได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากบทแจ็คกี้ ดินอร์สซิโอ อันธพาลคนหนึ่งที่เลือกจะสละสิทธิในการมีทนายและการปกป้องตัวเอง สำหรับบทนี้ ดีเซลได้เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นอันธพาลชาวอิตาเลียนวัย 47 ปีด้วยการเพิ่มน้ำหนัก 20 ปอนด์

ดีเซลจะรับบทนำใน Hannibal the Conqueror ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของขุนพลชาวคาร์เธจ ผู้ขี่ช้างข้ามเทือกเขาแอลป์เพื่อโจมตีโรมในศตวรรษที่สามก่อนคริสต์กาล นอกเหนือจากเรื่องนี้ วัน เรซ ฟิล์มส์ของดีเซลยังจะอำนวยการสร้างเรื่อง Hannibal the Barbarian ซีรีส์อนิเมชันสำหรับเด็กที่สร้างจากเรื่องราวของฮันนิบาล สำหรับบีอีที เน็ตเวิร์ค ผลงานในอนาคตของดีเซลได้แก่ภาพยนตร์ทัชสโตนเรื่อง Player’s Rule ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่เขียนบทโดยรอน บาสและเจน สโมลก้า จะเป็นการแสดงครั้งแรกของดีเซลในบทพระเอกภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี ดีเซลจะแสดงใน The Wheelman ซึ่งพัฒนาโดยเอ็มทีวี ฟิล์มส์, พาราเมาท์ พิคเจอร์สและวัน เรซ ฟิล์มส์ ไทกอน สตูดิโอส์ของดีเซลและมิดเวย์ เกมส์จะร่วมมือกันจัดจำหน่ายภาพยนตร์และเกมนี้พร้อมๆ กัน

ดีเซลได้นำแสดงใน The Pacifier ซึ่งเป็นภาพยนตร์คอเมดีเรื่องแรกของเขาสำหรับดิสนีย์ ประกบเฟธ ฟอร์ด, แบรด การ์เร็ตต์, ลอเรน เกรแฮมและบริทนีย์ สโนว์ ภาพยนตร์ปี 2005 เรื่องนี้ ที่กำกับโดยอดัม แชงค์แมน ติดตามเรื่องราวของสายลับผู้หลังจากไม่สามารถคุ้มครองนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญของรัฐบาลได้ ก็ได้เรียนรู้ว่าครอบครัวของนักวิทยาศาสตร์ผู้นั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย เพื่อเป็นการแก้ตัว เขาก็เลยตกลงที่จะดูแลลูกๆ ของนักวิทยาศาสตร์ เพียงเพื่อจะพบว่าการดูแลเด็กเป็นภารกิจที่หฤโหดที่สุดของเขา The Pacifier ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในบ็อกซ์ออฟฟิศ

ในภาพยนตร์ไซไฟที่เป็นที่จับตามองอย่างสูงเรื่อง The Chronicles of Riddick ดีเซลกลับมารับบทริชาร์ด บี. ริดดิคของเขาอีกครั้งหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่อำนวยการสร้างโดยวัน เรซ ฟิล์มส์ เป็นภาคต่อของภาพยนตร์คัลท์ยอดนิยมเรื่อง Pitch Black ก่อนหน้านี้ เขาได้นำแสดงในแอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง A Man Apart ซึ่งเขาอำนวยการสร้างด้วย

ผลงานที่โดดเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งของเขาคือการนำแสดงในภาพยนตร์ปี 2001 เรื่อง The Fast and the Furious ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลเอ็มทีวี มูฟวี อวอร์ดสาขาทีมยอดเยี่ยมบนหน้าจอ ร่วมกับพอล วอล์คเกอร์ เพื่อนร่วมแสดงของเขา และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม เขาได้แสดงในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง XXX ซึ่งเขาควบคุมงานสร้างเองด้วย เขาได้แสดงใน Saving Private Ryan ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดในฐานะส่วนหนึ่งของทีมนักแสดง ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ Boiler Room และการพากย์เสียงตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง The Iron Giant ซึ่งได้รับรางวัลแอนนี อวอร์ดสาขาภาพยนตร์อนิเมชันยอดเยี่ยม

เขาได้เขียนบท อำนวยการสร้าง กำกับและนำแสดงในภาพยนตร์อินดีขนาดสั้นเรื่อง Multi-Facial ซึ่งสำรวจเรื่องความหลากเชื้อชาติในสังคปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ ติดตามเรื่องราวของดีเซล ผู้ซึ่งมีแม่เป็นคนผิวขาวและพ่อเป็นชาวแอฟริกัน/อเมริกัน ในการออดิชันหลายครั้งที่เขาถูกบอกว่าเขา “ดำเกินไป” หรือ “ขาวเกินไป” สำหรับบทนั้นๆ หลังจากที่ได้ดูภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่องนี้ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคาน์ปี 1995 ผู้กำกับสตีเวน สปีลเบิร์กก็ได้สร้างบทพลทหารเอเดรียน คาปาร์โซในภาพยนตร์เรื่อง Saving Private Ryan ขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ

ดีเซลได้เขียนบท อำนวยการสร้าง กำกับและนำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Strays ซึ่งเขาพูดถึงว่าเป็น “Saturday Night Fever หลากวัฒนธรรม” ดรามาเรื่องดังกล่าวได้รับเลือกให้เข้าฉายสายประกวดในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 1997

 

พอล วอล์คเกอร์ (Paul Walker) รับบท ไบรอัน โอ’ คอนเนอร์

หลังจากที่เป็นที่สนใจของผู้ชมและผู้บริหารในแวดวงภาพยนตร์ด้วยเสน่ห์บนหน้าจอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ พอล วอล์เกอร์ก็สามารถรักษาสมดุลระหว่างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศ บทบาทดรามาและสารคดี เพื่อยกระดับการก้าวกระโดดไปสู่สถานะพระเอกจอเงินของเขา นอกเหนือจากการนำแสดงในภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง Fast & Furious 6ประกบวิน ดีเซลแล้ว ล่าสุด เขายังได้แสดงทริลเลอร์ลุ้นระทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์หลังเฮอริเคนแคทรินาเรื่อง Hours ที่เขาควบคุมงานสร้างอีกด้วย Hours เปิดตัวในงานประชุมและเทศกาลภาพยนตร์เซาธ์บายเซาธ์เวสต์ปี 2013 และทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้และการแสดงของวอล์คเกอร์ก็ได้รับเสียงวิจารณ์แง่บวกอย่างล้นหลาม

นอกเหนือจากนั้น วอล์คเกอร์ยังได้ก่อตั้งบริษัทโปรดักชัน ลากูนา ริดจ์ พิคเจอร์ส ที่มีสัญญาในการผลิตภาพยนตร์หลายเรื่องให้กับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส เพื่อสานต่อความพยายามในการอำนวยการสร้างภาพยนตร์ของเขา

แอ็กชันดรามาอาชญากรรมเรื่อง Brick Mansions ของเขาได้ถูกนำเข้าฉายหลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้วในฤดูใบไม้ผลิปี 2014 โดยรีเลทีฟวิตี้ มีเดีย ก่อนหน้านี้ เขาได้แสดงใน Fast Five และ Fast & Furious ภาคที่สี่และห้าของแฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์เรื่องนี้และได้ร่วมแสดงกับแมทท์ ดิลลอนและเฮย์เดน คริสเตนเซนในภาพยนตร์แอ็กชันอาชญากรรมโดยสกรีน เจมส์เรื่อง Takers

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2009 เขาได้แสดงในสารคดี Expedition Great White ทางเนชันแนล จีโอกราฟฟิค แชนแนล ซึ่งสำรวจอันตรายของหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ท้าทายและเป็นอันตรายสูงสุดในธรรมชาติ เขาได้ร่วมมือกับนักชีววิทยาทางทะเลเดินทางไปนอกชายฝั่งบาจา แคลิฟอร์เนีย เพื่อตามรอยว่านักล่าขนาดมหึมาเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร

วอล์คเกอร์แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่หลากหลายของเขาในการพลิกโฉมหน้าตัวเองในจอเงินอย่างต่อเนื่อง เขาได้รับบททหารในดรามาสงครามโลกครั้งที่สองโดยคลินท์ อีสต์วู้ดเรื่อง Flags of our Fathers สำหรับพาราเมาท์ พิคเจอร์สในปี 2006 ในปีเดียวกัน เขาได้นำแสดงในภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศของดิสนีย์เรื่อง Eight Below ที่กำกับโดยแฟรงค์ มาร์แขล ในบทเจอร์รี เชพเพิร์ด หัวหน้านักวิทยาศาสตร์วิจัย ผู้จำต้องทอดทิ้งทีมสุนัขลากเลื่อนของตัวเอง ใน Running Scared ทริลเลอร์ที่เขียนบทและกำกับโดยเวย์น เครเมอร์ (The Cooler) วอล์คเกอร์ได้แสดงประกบเวรา ฟาร์มิกา โดยเขารับบทพ่อผู้สิ้นหวัง ผู้พยายามจะคุ้มครองลูกชายตัวเอง หลังจากเหตุชุลมุนกับฝูงชนในเหตุการณ์ที่มีตำรวจถูกยิง วอล์คเกอร์ได้แสดงประกบเจสสิก้า อัลบาในแอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง Into the Blue สำหรับผู้กำกับจอห์น สต็อคเวล โดยเขาได้แสดงประกบซูซาน ซาแรนดอน, เพเนโลเป้ ครูซ, โรบิน วิลเลียมส์และอลัน อาร์กินใน Noel ผลงานการกำกับเรื่องแรกของแชซ พัลมินเทรี ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชาวนิวยอร์กผู้มารวมตัวกันในวันคริสต์มาสอีฟ

ในปี 2003 เขาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โดยผู้กำกับริชาร์ด ดอนเนอร์ที่ดัดแปลงจากนิยายของไมเคิล ไครช์ตันเรื่อง Timeline และนำแสดงในภาพยนตร์โดยจอห์น ซิงเกิลตันเรื่อง 2 Fast 2 Furious ซึ่งเป็นซีเควลของ The Fast and the Furious ที่ทำรายได้ไปกว่า 127 ล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศ ในปี 2001 เขาได้แสดงประกบสตีฟ ซาห์นและลีลี โซบี้สกี้ในทริลเลอร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมโดยทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์เรื่อง Joy Ride ที่กำกับโดยจอห์น ดัห์ล

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง The Skulls ที่กำกับโดยร็อบ โคเฮน, ดราเมดี้ฟุตบอลเรื่อง Varsity Blues, ภาพยนตร์ที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง Pleasantville จากมือเขียนบท/ผู้กำกับแกรี รอส, ภาพยนตร์มิราแม็กซ์เรื่อง She’s All That, Brokedown Palace และ The Death and Life of Bobby Z

 

ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) รับบท ฮ็อบส์

ด้วยรายได้ภาพยนตร์ที่มากกว่า 2 พันล้านเหรียญทั่วโลก ดเวย์น จอห์นสันได้สร้างขื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะดาราแม่เหล็กทั้งในแวดวงจอแก้วและจอเงิน

จอห์นสันที่มีงานเพิ่มอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะหยุดยั้งงานแสดงของเขาเลยด้วยผลงานภาพยนตร์ดังต่อเนื่องที่จะเข้าฉายในปี 2015 นอกเหนือจาก Furious 7 แล้ว เขายังได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง San Andreas สำหรับวอร์เนอร์ บรอส. พิคเจอร์ส ท่เขารับบทนักบินเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย ที่ต้องฝ่าอันตรายข้ามแคลิฟอร์เนียเพื่อตามหาลูกสาวเขาหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรง นอกจากนี้ เขายังถูกวางตัวให้นำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Central Intelligence สำหรับนิวไลน์ ซีเนมา ซึ่งดัดแปลงจาก Bay Watch รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง The Janson Directive สำหรับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สด้วย ในปีนี้ เขายังจะได้แสดงซีรีส์เอชบีโอเรื่อง Ballers ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักฟุตบอลที่ต้องรับมือกับเพื่อนพ้อง ครอบครัวและผู้ดูแลของพวกเขา และกำกับโดยปีเตอร์ เบิร์กอีกด้วย

ผลงานล่าสุดของจอห์นสันรวมถึงภาพยนตร์พาราเมาท์ พิคเจอร์สเรื่อง Hercules ที่กำกับโดยเบรท แรทเนอร์ และจอห์นสันรับบทนำ, ทริลเลอร์ดรามาเรื่อง Snitch เกี่ยวกับพ่อผู้ทำงานแฝงตัวให้กับหน่วยป.ป.ส. เพื่อปลดปล่อยลูกชายของเขาที่ถูกคุมขังหลังจากถูกใส่ร้ายในเรื่องการค้ายาเสพติด, G.I. Joe: Retaliation ภาคสองของแฟรนไชส์ภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัย ประกบบรูซ วิลลิสและแชนนิง ทาทัม, ภาพยนตร์อินดีดรามาเรื่อง Empire State ประกบเลียม เฮมส์เวิร์ธและเอ็มมา โรเบิร์ตส์, Pain & Gain ประกบมาร์ค วอห์ลเบิร์ก และ  Fast Five และ Fast and Furious 6 สองภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ Fast & Furious ซึ่งทำรายได้รวมกันได้ 1.4 พันล้านเหรียญทั่วโลก

ผลงานก่อนหน้านี้ที่หลากหลายของจอห์นสันรวมถึง Race to Witch Mountain, The Tooth Fairy, Planet 51, Get Smart, The Game Plan,  Journey 2: The Mysterious Island ซึ่งทำรายได้ไปกว่า 335 ล้านเหรียญทั่วโลก, Be Cool ซีเควลของเรื่อง Get Shorty โดยเอ็มจีเอ็ม ประกบจอห์น ทราโวลตา, อูมา เธอร์แมนและวินซ์ วอห์น, รีเมกปี 2004 เรื่อง Walking Tall และภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซลเรื่อง The Rundown แอ็กชัน/คอเมดีชื่อดังที่กำกับโดยปีเตอร์ เบิร์กและร่วมแสดงโดยฌอน วิลเลียม สก็อต, โรซาริโอ ดอว์สันและคริสโตเฟอร์ วอลเคน

จอห์นสันได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากจากบทบาทที่มากมายและหลากหลายของเขา ในปี 2008 เอนเตอร์เทนเมนต์ วีคลีได้ยกย่องจอห์นสันให้เป็นเอลิสต์รุ่นใหม่ของฮอลลีวูด เทียบเท่ากับโรเบิร์ต ดาวนีย์, จูเนียร์, เอลเลน เพจ, เจมส์ แม็คอะวอยและเอมี อดัมส์

ความรักในการแสดงของเขาและความต้องการที่จะชิมลางงานอื่นทำให้เขาได้ออกรายการ Saturday Night Live ในเดือนมีนาคม ปี 2000 และทำให้หลายคนประหลาดใจด้วยความชำนาญในการแสดงคอเมดีของเขา และมันก็ทำให้รายการนี้มีเรตติ้งสูงสุดในปีนั้น หลังจากนั้น จอห์นสันก็ได้รับเลือกจากสตีเฟน ซอมเมอร์สให้แสดงใน The Mummy Returns ซึ่งทำรายได้ไปกว่า 400 ล้านเหรียญทั่วโลก ตัวละครของเขาได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริหารของยูนิเวอร์แซล ระหว่างการฉายฟิล์ม จนพวกเขาวางแผนที่จะสร้างภาพยนตร์จากตัวละครของเขาในทันที ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง The Scorpion King ก็ทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศในปี 2002 ด้วการเป็นภาพยนตร์ที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดตลอดกาลประจำเดือนเมษายน

ดเวย์น จอห์นสันเกิดในซานฟรานซิสโกและเติบโตในฮาวาย เขาประสบความสำเร็จการได้ร่วมทีมออลอเมริกันสมัยไฮสคูล และได้ทำหน้าที่ไลน์แมนตัวรับคนดังให้กับทีมมหาวิทยาลัยไมอามี เฮอร์ริเคนส์ และช่วยนำทีมของเขาผ่านอุปสรรคมากมายจนกลายเป็นแชมป์ระดับประเทศ หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไมอามี จอห์นสันก็ได้เดินตามรอยเท้าของร็อคกี้ จอห์นสัน พ่อผู้มีชื่อจารึกอยู่ในดับบลิวดับบลิวอี ฮอล ออฟ เฟมของเขา และไฮ ชีฟ ปีเตอร์ ไมเวีย ปู่ของเขา ด้วยการเข้าร่วมแวดวงกีฬาบันเทิงของดับบลิวดับบลิวอี ภายในเวลาเจ็ดปี (1996-2003) อารมณ์ที่รุนแรงของเขาได้นำไปสู่ความสำเร็จด้วยสถิติผู้เข้าชมสูงสุดในอเมริกาและทำลายสถิติการจ่ายเงินเพื่อชมการแข่งขันระหว่างนั้นด้วยเช่นกัน เดอะ ร็อค ที่ดเวย์น จอห์นสันได้สร้างขึ้นได้กลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีเสน่ห์สูงสุดและมีพลังพลุ่งพล่านสูงสุดเท่าที่วงการเคยเห็น ในเดือนมีนาคม ปี 2012 จอห์นสันได้ทำลายสถิติด้วยการหวนคืนสู่ดับบลิวดับบลิวอีอีกครั้ง และเขาก็สามารถโค่นจอห์น ซีนาในการแข่งขันเรสท์เทิล มาเนียครั้งที่ 28 ในไมอามีได้

จอห์นสัน ผู้ไม่พอใจกับการอยู่หน้ากล้องเพียงอย่างเดียว ได้เขียนอัตชีวประวัติของตัวเองในชื่อ “The Rock Says” ซึ่งติดอันดับหนึ่งในลิสต์เบสต์เซลเลอร์ของนิวยอร์ก ไทม์ ไม่นานนักหลังจากที่มันตีพิมพ์ในเดือนมกราคม ปี 2000

ในปี 2006 จอห์นสันได้ก่อตั้งเดอะ ร็อค ฟาวน์เดชันขึ้น โดยพันธกิจของเดอะ ร็อค ฟาวน์เดชันคือ “การให้การศึกษา ให้อำนาจและให้แรงจูงใจกับเด็กๆ ทั่วโลกผ่านทางความสมบูรณ์พร้อทางกายภาพและสุขภาพ” จอห์นสันเป็นนักสังคมสงเคราะห์ผู้มุ่งมั่น เขาเป็นโฆษกคนปัจจุบันของโครงการรณรงค์เรื่องโรคเบาหวานของมูลนิธิเอนเตอร์เทนเมนต์ อินดัสทรี ฟาวน์เดชัน นอกจากนี้ เขายังเป็นสมาชิกดาราคนดังสำหรับสภากาชาดอเมริกันและทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีคนดังแห่งชาติสำหรับมูลนิธิเดอะ เมค อะ วิช ฟาวน์เดชันอีกด้วย ในปี 2008 สภาคองเกรสอเมริกาและคณะกรรมาธิการผู้นำร่วมของอเมริกาได้ยกย่องเขาด้วยการมอบรางวัลฮอไรซัน อวอร์ด ซึ่งเป็นรางวัลที่สภาคองเกรสมอบให้กับภาคเอกชน ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำอันโดดเด่นและมอบโอกาสให้กับเยาวชนทั่วประเทศ

 

มิเชลล์ โรดริเกซ (Michelle Rodriguez) รับบท เล็ตตี้

มิเชลล์ โรดริเกซ เป็นนักแสดงมากความสามารถ ผู้เป็นที่รู้จักจากความสามารถในการผสมผสานความแข็งแกร่งของเธอเข้ากับความงามตามธรรมชาติและเซ็กส์ แอพพีลที่มากล้นของเธอ

มิเชลล์ เดิมมีชื่อว่าเมย์เต้ มิเชลล์ โรดริเกซ เธอเกิดในเบ็กซาร์ เคาน์ตี้ รัฐเท็กซัส เธอทำงานเป็นตัวประกอบนานสองปีเพื่อทำตามความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการถ่ายทำ หลังจากนั้น เธอก็ตัดสินใจยึดอาชีพนักแสดงและได้ออดิชันครั้งแรกจากโฆษณาที่เธอเห็นในแบ็คสเตจ เวสต์ ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ได้แสดงในภาพยนตร์อินดีฮิตเรื่อง Girlfight ซึ่งบทนั้นทำให้เธอได้รับรางวัลมากมาย และได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลามอีกด้วย ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้เธอแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังพุ่งแรงในฮอลลีวูด

ความสำเร็จจากบทบาทแจ้งเกิดของเธอส่งให้เธอได้แสดงประกบแดนนี โกลเวอร์ในภาพยนตร์ดรามาโชว์ไทม์เรื่อง 3 A.M. และภาพยนตร์ฮิตที่พลุ่งพล่านไปด้วยอะดรีนาลินโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเรื่อง The Fast and the Furious ประกบวิน ดีเซลและพอล วอล์คเกอร์ เธอได้ร่วมแสดงในแฟรนไชส์ The Fast and The Furious อีกครั้งในปี 2009 ใน Fast & Furious ภาคที่สี่และใน Fast & Furious 6

ล่าสุด เธอได้พากย์เสียงภาพยนตร์อนิเมชันโดยเดวิด โซเรนเรื่อง Turbo ร่วมกับไรอัน เรย์โนลด์ส, ไมเคิล เพนยาและพอล จิอาแมตติ และกลับมารับบท ลูซอีกครั้งในภาพยนตร์โดยโรเบิร์ต โรดริเกซเรื่อง Machete Kills ซีเควลของภาพยนตร์แอ็กชันเรื่อง Machete ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอได้แก่ Battle in Seattle ประกบชาร์ลิซ เธอรอน, Blue Crush ประกบเคท บอสเวิร์ธ, ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ช่วงซัมเมอร์ S.W.A.T. ประกบซามวล แอล. แจ็คสันและโคลิน ฟาร์เรล, Control ประกบเรย์ ลิออตตา, อีพิคไซไฟที่ทำลายสถิติของเจมส์ คาเมรอนเรื่อง Avatar, ภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟเรื่อง Battle: Los Angeles ประกบแอรอน เอคฮาร์ทและ  Resident Evil: Retribution ซึ่งเป็นผลงานเพิ่มเติมหลังจาก Resident Evil ซึ่งเป็นภาคแรกของแฟรนไชส์นี้ ที่เธอได้แสดงประกบมิลลา โจโววิช

คอเกมตัวยงผู้นี้ได้พากย์เสียงเกมยอดนิยมมากมายเช่น Call of Duty: Black Ops II, True Crime: Streets of LA, Driv3r และ Halo 2 และเธอก็กระโจนใส่โอกาสที่จะได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Resident Evil ที่ดัดแปลงจากแฟรนไชส์เกมยอดนิยมทันที

ในปี 2010 เธอได้ร่วมอำนวยการสร้างและนำแสดงเรื่อง Trópico de Sangre ร่วมกับเชอเชียร์ แคท บริษัทโปรดักชันของเธอ ผลงานที่น่าจะโดดเด่นที่สุดของเธอคือการแสดงในซีรีส์บีบีซีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเรื่อง Lost

 

ไทริส กิ๊บสัน (Tyrese Gibson) รับบท โรมัน

ไทริส กิ๊บสัน เกิดและเติบโตในเมืองวัทส์, แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นบริเวณกลางใต้ของลอสแองเจลิส เขาได้ค้นพบความรักด้านดนตรีตั้งแต่ยังเล็กๆ และเขาก็ได้ออกอัลบัมเปิดตัวตอนอายุได้ 19 ปี ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้รับรางวัลอเมริกัน มิวสิค อวอร์ดสาขาศิลปินใหม่แนวโซลและอาร์แอนด์บียอดนิยมในปี 2000 นอกเหนือจากงานดนตรีแล้ว เขายังประสบความสำเร็จทั้งด้านการแสดงและการเดินแบบ และเขาก็ได้แสดงในซีรีส์และโฆษณาทางโทรทัศน์หลายชิ้น ผ่านทางการทำสัญญาพิเศษกับเกซ? และนักออกแบบ ทอมมี ฮิลฟิเกอร์

กิ๊บสันเปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วยบทนำในภาพยนตร์โดยจอห์น ซิงเกิลตันเรื่อง Baby Boy และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากบทโจเซฟ ซัมเมอร์ส และเขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับซิงเกิลตันอีกครั้งหนึ่งใน 2 Fast 2 Furious

ล่าสุด เขาได้แสดงใน Transformers: Dark of the Moon ภาคสามของแฟรนไชส์ Transformers และภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเรื่อง Fast & Furious 6 และ Black Nativity ประกบฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์, แองเจลา บาสเซ็ทท์ และเจนนิเฟอร์ ฮัดสัน

ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สได้ซื้อสิทธิ Desert Eagle บทภาพยนตร์แอ็กชันที่เขียนโดยกิ๊บสันและไมค์ ลี เรื่องราวของตำรวจตระเวนชายแดนที่สืบสวนคดีค้ายาในคาสิโนภายในเขตอนุรักษ์เนทีฟ อเมริกัน กิ๊บสันจะนำแสดงบและควบคุมงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านทางวอลทรอน ฟิล์มซ์ ร่วมกับสก็อต สตูเบอร์ (Ted, Ted 2)  ผู้จะอำนวยการสร้างผ่านบลูกราส ฟิล์มส์ของเขา หลังจากนี้ เขาจะแสดงประกบเจค จิลเลนฮัลในภาพยนตร์ที่กำกับโดยอังตวน ฟูกัวเรื่อง Southpaw และประกบเควิน ฮาร์ทและไอซ์ คิวบ์ในภาพยนตร์ที่กำกับโดยทิม สตอรีเรื่อง Ride Along 2 อัลบัมสตูดิโออัลบัมสุดท้ายของเขา Black Rose จะวางแผงในวันที่ 5 พฤษภาคม

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ Fast Five, ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โดยไมเคิล เบย์เรื่อง Transformers และ Transformers: Revenge of the Fallen, ภาพยนตร์ทริลเลอร์ไซไฟโดยพอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สันเรื่อง Death Race ประกบเจสัน สเตแธม, โจน อัลเลนและเอียน แม็คเชน, ภาพยนตร์แอ็กชันสยองขวัญเรื่อง Legion ที่ประกบเดนนิส เควดและพอล เบตตานีย์, ดรามาอาชญากรรมโดยแบรด เฟอร์แมนเรื่อง The Take ประกบจอห์น เลอกุยซาโมและโรซี เปเรซ, Flight of the Phoenix, ภาพยนตร์โดยซิงเกิลตันเรื่อง Four Brothers ที่ร่วมแสดงโดยมาร์ค วอห์ลเบิร์กและอังเดร เบนจามิน, Annapolis ที่กำกับโดยจัสติน ลินและภาพยนตร์โดยวอนดี้ เคอร์ติส-ฮอลเรื่อง Waist Deep นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งผู้ควบคุมงานสร้างซีรีส์ทางเว็บเรื่อง K-Town and Roll Models  สำหรับอีเล็คทัสโดยเบน ซิลเวอร์แมนอีกด้วย

หนังสือสร้างแรงจูงใจของกิ๊บสันในชื่อ How to Get Out of Your Own Way ที่ตีพิมพ์โดยแกรนด์ เซ็นทรัล พับลิชชิง วางแผงในวันที่ 7 เมษายน ปี 2011 ในปี 2013 เขาได้ตีพิมพ์เรื่อง Manology: Secrets of Your Man’s Mind Revealed ซึ่งเขาร่วมเขียนกับดีเจ โจเซฟ “เรฟ รัน” ซิมมอนส์แห่งรัน-ดี.เอ็ม.ซี.

 

คริส “ลูดาคริส” บริดเจส (Chris “Ludacris” Bridges) รับบท เทจ

อาชีพการงานของคริส “ลูดาคริส” บริดเจส ผู้มีความสามารถหลากหลาย อาจพูดถึงได้ดีที่สุดด้วยคำว่า น่าทึ่ง ในฐานะศิลปิน เขามียอดขายอัลบัมกว่า 15 ล้านก็อปปี้ในประเทศเนื่องด้วยความสำเร็จถล่มทลายของซิงเกิลต่างๆ เช่น “Stand Up,” “Get Back,” “Southern Hospitality,” “Number One Spot,” “Money Maker” และ “My Chick Bad” โดยซิงเกิลทั้งหมดนี้มาพร้อมกับมิวสิคเยี่ยมๆ ที่แสดงให้เห็นถึงจินตนาการที่กว้างไกลของบริดเจสและความเต็มใจที่จะก้าวพ้นขอบเขตของมิวสิคเพลงแร็ปทั่วๆ ไป

ด้วยความสามารถในการแต่งเพลง ไหวพริบและการใช้ภาพพจน์ที่หาตัวจับยาก บริดเจสก็ได้สร้างชื่อให้กับตัวเองในฐานะผู้ให้ความบันเทิงระดับแนวหน้าของวงการดนตรี แม้ว่าเขาอาจจะเป็นที่รู้จักดีที่สุดจากท่วงทำนองที่ติดหู บริดเจสก็แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถไม่แพ้กันในการแต่งเพลงที่ทรงพลัง ที่มาพร้อมกับเนื้อหาที่จริงจัง ซึ่งรวมถึงเด็กที่หนีออกจากบ้าน “Runaway Love”   ความสามารถที่หลากหลายและความซับซ้อนเชิงศิลป์ของเขาทำให้เขาสามารถหันไปจับงานแสดงได้อย่างง่ายดาย

ล่าสุด เขาได้แสดงใน Fast & Furious 6 ภาคหกของแฟรนไชส์ยอดนิยมระดับโลก ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขารวมถึงคอเมดีรวมดาราของแกร์รี มาร์แชลเรื่อง New Year’s Eve, ภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเรื่อง Fast Five และภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดีโดยอีวาน ไรท์แมนเรื่อง No Strings Attached ประกบแอชตัน คุทเชอร์และนาตาลี พอร์ทแมน การแสดงที่ได้รับการยกย่องของเขาในภาพยนตร์ (Crash, Hustle & Flow) และโทรทัศน์ (Law & Order: Special Victims Unit) ทำให้ทั้งฮอลลีวูดและนักวิจารณ์ตื่นเต้นกับผลงานที่น่าประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ ของเขา เขาก้าวกลับไปเข้าสตูดิโออีกครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอัลบัมชุดที่แปดของเขา Ludaversal ที่จะวางแผงในวันที่ 31 มีนาคม

ลูดาคริส ผู้เป็นนักธุรกิจเต็มตัว ประสบความสำเร็จนอกวงการบันเทิงด้วยเช่นกัน ธุรกิจล่าสุดของเขารวมถึงร้านอาหารแห่งใหม่ในสนามบินฮาร์ทส์ฟิลด์-แจ็คสัน แอตแลนตา ความพยายามทำการกุศลของเขาก็ไม่แพ้ความสำเร็จในแวดวงบันเทิงของเขาเลย เขาได้ร่วมมือกับมือเขียนบท/ผู้กำกับจาก Crash พอล แฮ็กกิสและอาร์ติสท์ ฟอร์ พีซ แอนด์ จัสติซ เพื่อระดมทุนกว่า 4 ล้านเหรียญให้กับหน่วยบรรเทาทุกข์ให้กับเฮติ นอกจากนี้ เขายังระดมทุนกว่า 100,000 เหรียญให้กับเหยื่อน้ำท่วมในแอตแลนตาผ่านทางมูลนิธิเดอะ ลูดาคริสอีกด้วย มูลนิธินี้ ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างเขาและบุคคลผู้มีชื่อเสียงอื่นๆ เช่นเจน ฟอนดา, บิล เกทส์, ริชาร์ด แบรนสันและเนลสัน แมนเดลา ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนผ่านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

 

จอร์แดนา บรูว์สเตอร์ (Jordana Brewster) รับบท ไมอา

พรสวรรค์ ความงามและเสน่ห์ตามธรรมชาติบนหน้าจอของจอร์แดนา บรูว์สเตอร์ทำให้เธอมีที่ทางของตัวเองในจอแก้วและจอเงินของฮอลลีวูด เมื่อเร็วๆ นี้ เธอได้รับบทเอเลนา รามอสในซีรีส์ทีเอ็นทีเรื่อง Dallas ในปี 2011 ผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของเธอคือ Home Sweet Helland American Heist ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตในปี 2014

ในปี 2013 บรูว์สเตอร์ได้กลับมารับบท ไมอา อีกครั้งใน Fast & Furious 6 ซึ่งทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศด้วยการกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในแฟรนไชส์นี้ นอกจากนี้ เธอยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ปี 2011 เรื่อง Fast Five และภาพยนตร์ปี 2009 เรื่อง Fast & Furious ด้วย ผลงานอื่นๆ ในอดีตของบรูว์สเตอร์ได้แก่การแสดงจอแก้วในซีรีส์ทีเอ็นทีเรื่อง Dark Blue, ซีรีส์เอ็นบีซีเรื่อง Chuck และการแสดงนำในตอนไพล็อตซีรีส์เอบีซีเรื่อง Mr. and Mrs. Smith ในปี 2007 เธอได้แสดงประกบเจมส์ ฟรังโก้ในภาพยนตร์โดยจัสติน ลินเรื่อง Annapolis และ  Nearing Grace ภาพยนตร์อินดี ที่ดัดแปลงจากนิยายของสก็อต ซอมเมอร์ ที่เปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ลอสแองเจลิสปี 2005

ในปี 2006 เธอได้แสดงใน The Texas Chainsaw Massacre: The Beginning ที่กำกับโดยโจนาธาน ลีเบสแมน สำหรับนิวไลน์ ซีเนมา เธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์คอเมดีขนาดสั้นโดยแองเจลา โรบินสัน ที่ได้รับความนิยมในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ เรื่อง D.E.B.S. ซึ่งจัดจำหน่ายโดยซามวล โกลด์วิน ฟิล์มส์ในเดือนมีนาคม ปี 2005 ก่อนหน้านั้น เธอได้นำแสดงในภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศของยูนิเวอร์แซลเรื่อง The Fast and the Furious สำหรับผู้กำกับร็อบ โคเฮน และทริลเลอร์ไซไฟเรื่อง The Faculty สำหรับผู้กำกับโรเบิร์ต โรดริเกซ เธอได้แสดงประกบคาเมรอน ดิแอซ, ไบลธ์ แดนเนอร์และคริสโตเฟอร์ เอคเคลสตันใน The Invisible Circus สำหรับผู้กำกับอดัม บรู๊คส์ ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2001 เธอได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมจากผลงานของเธอในมินิซีรีส์ดังทางเอ็นบีซีเรื่อง The ’60s

บรูว์สเตอร์ได้ขัดเกลาทักษะการแสดงของตัวเองในซีรีส์ที่ได้รับรางวัลเดย์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดเรื่อง As the World Turns ซึ่งระหว่างนั้น เธอได้แบ่งเวลาระหว่างการเรียนไฮสคูลและการรับบท นิกกี้ มุนสันในดรามาเรื่องนี้ หลังจาก The Fast and the Furious เธอก็หยุดพักเพื่อศึกษาที่มหาวิทยาลัยเยล ก่อนที่เธอจะสำเร็จการศึกษาสาขาภาษาอังกฤษในปี 2003

เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ในบราซิล, อังกฤษและนิวยอร์ก และปัจจุบัน เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ในลอสแองเจลิส กับสามีของเธอ

 

ดิมอน ฮันซู (Djimon Hounsou) รับบท จาคันเด้

ดิมอน ฮันซู ล่าสุดได้แสดงในภาพยนตร์ฮิตสองเรื่องของปี 2014 ได้แก่ Guardians of the Galaxy และ How to Train Your Dragon 2 ล่าสุด เขาได้แสดงใน Seventh Son

ปีนี้ เขาจะร่วมแสดงกับนอร์แมน รีดัสในทริลเลอร์ไซไฟเรื่อง Air และทริลเลอร์โดยมาร์ค เนเวลไดน์เรื่อง The Vatican Tapes นอกเหนือจากนั้น เขายังจะรับบทชีฟมบองก้าในภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์ บรอส. พิคเจอร์สเรื่อง Tarzan ที่มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2016 อีกด้วย

เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Same Kind of Different as Me ประกบเกร็ก คินเนียร์, จอน วอยท์และเรเน เซลวีเกอร์ สำหรับพาราเมาท์ พิคเจอร์สและผู้กำกับไมเคิล คาร์นีย์

ฮันซูเกิดในเมืองเบนิน ทางตะวันตกของแอฟริกา เขาย้ายไปปารีสเมื่ออายุได้ 13 ปี เพื่อเข้ารับการศึกษาแบบตะวันตก พอเติบใหญ่ เขาก็ถูกค้นพบโดยแฟชัน ดีไซเนอร์ เธียร์รี มักเลอร์ และได้เดินแบบและแสดงมิวสิค วิดีโอหลายเพลงให้กับช่างภาพในตำนาน เฮิร์บ ริทส์และผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ หลังจากนั้น เขาก็ได้รับบทจอแก้วเล็กๆ ก่อนที่เขาจะแจ้งเกิดในบท แซงค์ ชาวแอฟริกันผู้นำในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ในภาพยนตร์โดยสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่อง Amistad (1997) เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำและเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ดจากการแสดงครั้งนั้น หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดในฐานะหนึ่งในนักแสดงของภาพยนตร์โดยริดลีย์ สก็อตที่ได้รับรางวัลอคาเดมี อวอร์ดสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Gladiator

ในปี 2006 เขาได้รับรางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ด, รางวัลสมาพันธ์นักวิจารณ์แห่งชาติ ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดและแซ็ก อวอร์ดจากบทคนงานผู้ค้นพบเพชรหายากในภาพยนตร์เรื่อง Blood Diamond ที่นำแสดงโดยลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ การแสดงของเขาในบทศิลปินผู้ติดโรคเอดส์ใน In America (2004) ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ดและได้รับรางวัลฟิล์ม อินดีเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ด ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็ก อวอร์ดและได้รับการยกย่องให้เป็นนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมแห่งปีของโชเวสต์

ในปี 2010 เขาได้แสดงประกบเฮเลน เมอร์เรน, รัสเซล แบรนด์, อัลเฟรด โมลินาและคริส คูเปอร์ในภาพยนตร์ที่จูลี เทย์เมอร์ดัดแปลงจากเรื่อง “The Tempest” ผลงานภาพยนตร์ของเขารวมถึงภาพยนตร์โดยไมเคิล เบย์เรื่อง The Island ประกบยวน แม็คเกรเกอร์และสการ์เล็ตต์ โยฮันสัน, Eragon, Constantine ประกบคีอานู รีฟส์, ภาพยนตร์โดยยาน เดอ บองท์เรื่อง Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life ประกบแองเจลินา โจลีและภาพยนตร์โดยเชคาร์ คาปูร์เรื่อง The Four Feathers ประกบฮีธ เล็ดเจอร์และเคท ฮัดสัน

สำหรับจอแก้ว เขาได้พากย์เสียงตัวละครนำในซีรีส์อนิเมชันทางบีอีทีเรื่อง Black Panther ที่สร้างจากการ์ตูนมาร์เวลชื่อเดียวกัน เขามีผลงานในหกเอพิโซดที่น่าจดจำในบทผู้อพยพชาวแอฟริกันที่หาที่พักพิงในซีรีส์ดรามาเรื่อง ER และรับบทประจำในซีรีส์ Alias ซึ่งนำแสดงโดยเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์

ในฐานะทูตคนดังขององค์กรอ็อกซ์แฟม อินเตอร์เนชันแนล เขาได้ให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ ชาวแอฟริกา ชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากกฎการค้านานาชาติที่ไม่เป็นธรรมและประเด็นความยุติธรรมทางสังคมอื่นๆ ในปี 2009 เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ที่น่าประทับใจต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเกี่ยวกับผลกระทบที่การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศมีต่อประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ เขายังได้ปรากฏตัวต่อหน้าสภาสูงสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนพระราชบัญญัติเด็กไร้บ้านและหนีออกจากบ้าน และมีส่วนร่วมในการฟังการพิจารณาและการประชุมสนธิสัญญาการค้าอาวุธระหว่างประเทศด้วย

 

เคิร์ท รัสเซล (Kurt Russell) รับบท มิสเตอร์ โนบอดี้

เคิร์ท รัสเซล ผู้นำเสนอการแสดงคอเมดีและดรามาที่น่าจดจำนับตั้งแต่ปี 1962 เกิดในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาซูเซทส์ และเริ่มต้นอาชีพนักแสดงตั้งแต่ 10 ขวบ รัสเซลได้ร่วมมือกับผู้กำกับจอห์น คาร์เพนเตอร์ในภาพยนตร์เรื่อง Escape From New York และ Escape From L.A. ในบทสเนค พลิสสกิน นอกจากนี้ เขายังได้ร่วมงานกับคาร์เพนเตอร์ในภาพยนตร์ดังที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์เรื่อง Elvis ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดและภาพยนตร์เรื่อง The Thing และ Big Trouble in Little China อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของเขาได้แก่ The Art of the Steal ประกบแมทท์ ดิลลอนและเทอร์เรนซ์ สแตมป์และภาพยนตร์โดยเควนติน ทารันติโนเรื่อง Death Proof หลังจากนี้ เขาจะได้แสดงในภาพยนตร์โดยทารันติโนเรื่อง The Hateful Eight ประกบแชนนิง ทาทัมและซามวล แอล. แจ็คสัน

ผลงานก่อนหน้านี้ของเขาได้แก่ภาพยนตร์โดยไมค์ นิโคลส์เรื่อง Silkwood, ภาพยนตร์โดยโรเบิร์ต ซีเมคิสเรื่อง Used Cars, ภาพยนตร์โดยโจนาธาน เดมม์เรื่อง Swing Shift, ภาพยนตร์โดยแกร์รี มาร์แชลเรื่อง Overboard, ภาพยนตร์เรื่อง Tequila Sunrise, Tango & Cash, ภาพยนตร์โดยรอน โฮเวิร์ดเรื่อง Backdraft, Tombstone, Stargate, Executive Decision, Breakdown และ Soldier นอกจากนี้ เขายังได้แสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Mean Season, The Best of Times, Winter People, Captain Ron, Unlawful Entry, Dark Blue, Dreamer: Inspired by a True Story, Vanilla Sky และ Poseidon อีกด้วย

การร่วมงานยาวนานระหว่างรัสเซลและวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ครอบคลุมเกือบ 40 ปี เขาแสดงในภาพยนตร์ 15 เรื่อง รวมถึง Follow Me, Boys!, The Computer Wore Tennis Shoes, The Barefoot Executive, The Fox and the Hound, Miracle และ Sky High นอกเหนือจากนั้น เขายังได้แสดงในหลายเอพิโซดของ The Wonderful World of Disney อีกด้วย ผลงานจอแก้วเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง Amber Waves และ The Deadly Tower ที่เขารับบท ชาร์ลส์ วิทแมน ฆาตกรชาวเท็กซัส

 

เจสัน สเตแธม (Jason Statham) รับบท เด็คการ์ด ชอว์

เจสัน สเตแธม ดาราระดับโลก ที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากภาพยนตร์แอ็กชันมันส์ระห่ำของเขา ล่าสุดได้แสดงในดรามาอาชญากรรมโดยไซมอน เวสต์เรื่อง Wild Card, The Expendables 3 ภาคสามของแฟรนไชส์ยอดนิยมระดับโลก ที่ครั้งนี้ร่วมแสดงโดยเมล กิ๊บสัน, แอนโทนิโอ แบนเดอรัสและแฮร์ริสัน ฟอร์ดและ Homefront ที่เขียนบทโดยซิลเวสเตอร์ สตอลโล ประกบเจมส์ ฟรังโก้และเคท บอสเวิร์ธ หลังจากนี้ เขาจะได้แสดงประกบเมลิสซา แม็คคาร์ธีย์ในคอเมดีโดยพอล ฟิ้กเรื่อง Spy

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เมื่อเร็วๆ นี้ของเขารวมถึงภาพยนตร์โดยสตีเวน ไนท์เรื่อง Redemption (Hummingbird), Parker ประกบเจนนิเฟอร์ โลเปซและ The Expendables 2 ซึ่งเขากลับมารับบท ลี คริสต์มาสอีกครั้ง

สเตแธม เกิดในเมืองซิดเดนแฮม ประเทศอังกฤษ เขาเป็นหนึ่งในนักดำน้ำระดับแนวหน้าของทีมชาติอังกฤษ และได้ขึ้นถึงอันดับที่ 12 ของโลก ระหว่างที่เขาทำการฝึกอยู่ที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติคริสตัล พาเลซ ในลอนดอน  ทีมงานถ่ายทำและช่างภาพได้ทาบทามให้เขามาเป็นนักแสดง

ท้ายที่สุด เขาก็ได้พบกับผู้กำกับกาย ริทชี ผู้เลือกเขารับบทเบคอนในภาพยนตร์เรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของทั้งคู่ หลังจากนั้น เขาก็ได้ร่วมงานกับริทชีอีกครั้งใน Snatch ที่เขาประกบแบรด พิตต์และเบนิซิโอ เดล โทโร ลุค เบซง ผู้กำกับชื่อดังชาวฝรั่งเศสเลือกเขาให้รับบทแฟรงค์ มาร์ตินในภาพยนตร์เรื่อง The Transporter และหลังจากนั้น เขาก็ได้แสดงในรีเมกบล็อกบัสเตอร์เรื่อง The Italian Job, Crank, Transporter 2 และ Transporter 3, ภาพยนตร์โดยโรเจอร์ โดนัลด์สันเรื่อง The Bank Job, Death Race, Crank: High Voltage, ภาพยนตร์โดยสตอลโลนเรื่อง The Expendables, The Mechanic, Blitz, Killer Elite และภาพยนตร์โดยโบแอซ ยาคินเรื่อง Safe

 

นาตาลี เอ็มมานูเอล (Nathalie Emmanuel) รับบท แรมซีย์

นาตาลี เอ็มมานูเอล เกิดและเติบโตในอังกฤษ เธอได้รับบทการแสดงอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุได้ 10 ขวบ เมื่อเธอได้แสดงใน The Lion King ในบทนาลาวัยเด็ก หลังจากนั้น เธอก็ได้รับบทซาชา วาเลนไทน์ในซีรีส์ยอดนิยมทางแชนแนลโฟร์เรื่อง Hollyoaks หลังจากนั้น เธอก็ได้แสดงในซีรีส์อังกฤษหลายเรื่อง รวมถึงซีรีส์รางวัลบาฟตาเรื่อง Misfits

ปัจจุบัน เธอรับบท มิสแซนเดเอียนในซีรีส์ชื่อดังทางเอชบีโอเรื่อง Game of Thrones ซึ่งกำลังถ่ายทำซีซันที่ห้า Furious 7 เป็นผลงานภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแรกของเธอ หลังจากนี้ เธอจะมีผลงานใน Maze Runner: The Scorch Trials ซีเควลที่หลายคนจับตามองของ The Maze Runner ที่มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 18 กันยายน

 

ประวัติทีมผู้สร้าง

เจมส์ วัน (James Wan)—กำกับโดย

เจมส์ วัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงสุดในปัจจุบัน

เมื่อเร็วๆ นี้ เขาเพิ่งประกาศข้อตกลงการอำนวยการสร้างระหว่างนิวไลน์ ซีเนมาและอะตอมิค มอนสเตอร์ บริษัทโปรดักชันของเขา ซึ่งเขาจะพัฒนาและอำนวยการสร้างภาพยนตร์ทุนปานกลาง ที่ครอบคลุมแนวทริลเลอร์ ไซไฟ แอ็กชัน สยองขวัญและคอเมดี

วัน ผู้ร่วมสร้างแฟรนไชส์ยอดนิยมอย่าง Insidious กำลังอยู่ระหว่างการอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Insidious: Chapter 3 ที่นำแสดงโดยเดอร์ม็อท มัลโรนีย์, สเตฟานีย์ สก็อต, ลิน เชย์, แองกัส แซมป์สันและลีห์ วันเนล ซึ่งสามคนหลังกลับมารับบทเดิมของตัวเองจากสองภาคแรกอีกครั้ง ในครั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะกำกับโดยวันเนล มือเขียนบทที่ร่วมงานกับเขามานาน และโฟกัส ฟีเจอร์สก็จะนำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในวันที่ 5 มิถุนายน ก่อนหน้านี้ เขาเคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง Insidious และ Insidious: Chapter 2 ซึ่งนำแสดงโดยแพทริค วิลสัน, โรส ไบรน์และบาร์บารา เฮอร์ชีย์ นอกจากนี้ เขายังได้รับเครดิต “เรื่องราวโดย” ในภาพยนตร์เรื่อง Insidious: Chapter 2 อีกด้วย

หลังจากนี้ เขาจะกำกับภาพยนตร์เรื่อง The Conjuring 2: The Enfield Poltergeist ซึ่งจะเริ่มต้นถ่ายทำช่วงกลางปี 2015 ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 10 มิถุนายน ปี 2016 เขาได้กำกับภาพยนตร์ปี 2013 ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกเรื่อง The Conjuring ซึ่งนำแสดงโดยวิลสัน, เวรา ฟาร์มิกา, ลิลลี เทย์เลอร์และรอน ลิฟวิงสตันและสร้างจากข้อมูลของนักสืบสวนเรื่องลี้ลับชื่อดัง เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ไปกว่า 318 ล้านเหรียญทั่วโลก

ทริลเลอร์เหนือธรรมชาติโดยนิวไลน์ ซีเนมาเรื่อง Annabelle ภาพยนตร์เรื่องแรกภายใต้แบนเนอร์อะตอมิค มอนสเตอร์ของวัน ทำรายได้ในช่วงสุดสัปดาห์แรกที่เปิดตัวไปกว่า 37 ล้านเหรียญในอเมริกา และทำรายได้ไปทั่วโลกกว่า 250 ล้านเหรียญ เขาทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่วอร์เนอร์ บรอส. พิคเจอร์สนำเข้าฉายในเดือนตุลาคม ปี 2014

วันเป็นผู้ร่วมสร้างแฟรนไชส์ Saw หนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล นอกจากการกำกับ Saw ภาคแรก ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2004 แล้ว เขายังทำหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างภาคอื่นๆ ในแฟรนไชส์นี้อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขารวมถึงภาพยนตร์คัลท์สยองขวัญเรื่อง Dead Silence สำหรับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สและทริลเลอร์ล้างแค้นขวัญใจผู้ชมเรื่อง Death Sentence สำหรับทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ซึ่งนำแสดงโดยเควิน เบคอนและการ์เร็ตต์ เฮดลันด์

ในปี 2004 เขาได้รับรางวัลเกร็ก เท็ปเปอร์ อันทรงเกียรติของออสเตรเลีย จากความสำเร็จในวงการภาพยนตร์ของเขา

วันเป็นชาวออสเตรเลีย เขาอาศัยอยู่ในอเมริกา

 

คริส มอร์แกน (Chris Morgan)—เขียนบทโดย/ผู้ควบคุมงานสร้าง

Furious 7 เป็นผลงานเรื่องที่แปดที่คริส มอร์แกนได้ร่วมมือกับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส โดยความร่วมมือระหว่างทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นด้วยภาพยนตร์โดยจัสติน ลินเรื่อง The Fast and the Furious: Tokyo Drift หลังจากนั้น เขาก็ได้ดัดแปลงภาพยนตร์เรื่อง Wanted ที่นำแสดงโดยแองเจลินา โจลี หลังจากนั้น เขาก็ได้เขียนบทอีกสามภาคของแฟรนไชส์ Fast & Furious ที่นำให้วิน ดีเซลและพอล วอล์คเกอร์ได้กลับมาพบกันอีกครั้งใน Fast & Furious, Fast Five และ Fast & Furious 6

มอร์แกนกำลังอยู่ระหว่างการอำนวยการสร้างเวอร์ชันใหม่ของ The Mummy โดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สที่จะเข้าฉายในปี 2017 รวมถึง The Legend of Conan ที่นำแสดงโดยอาร์โนลด์ ชวอร์ซเนกเกอร์ในบทดังของเขา ปัจจุบัน เขากำลังอยู่ระหว่างการทำงานในภาคถัดไปของแฟรนไชส์ Fast & Furious

 

 

 

แกรี สก็อตต์ ธอมป์สัน (Gary Scott Thompson)—จากตัวละครโดย

แกรี สก็อตต์ ธอมป์สัน เป็นผู้สร้างและผู้ควบคุมงานสร้างซีรีส์ฮิตทางเอ็นบีซีเรื่อง Las Vegas และเป็นผู้เขียนบทร่วมของภาพยนตร์ฮิตเรื่อง The Fast and the Furious จีเอสที (อย่างที่นักแสดงและทีมงานเรียกเขา) เกิดในเมืองยูเคียห์, แคลิฟอร์เนีย แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็กในพาโก พาโก, อเมริกัน ซามัว

เขาได้สัมผัสกับโลกบันเทิงครั้งแรกในฐานะนักแสดง โดยเขาได้ศึกษาด้านการแสดงจากนักแสดงชื่อดังอย่างพาวเวอร์ส บูธ ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่แปซิฟิค คอนเซอร์วาทอรี ออฟ เดอะ เพอร์ฟอร์มิง อาร์ตส์ เขาได้รับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย, เออร์วิน และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก หลังจากสำเร็จการศึกษาจากเอ็นวายยู เขาก็ทำงานเป็นนักเขียนบทละครเวที ผลงานละครเวทีของเขาได้แก่ Small Town Syndrome, Cowboys Don’t Cry และ Private Hells ผลงานภาพยนตร์ของเขาได้แก่ The Fast and the Furious, 2 Fast 2 Furious, Fast & Furious, Fast Five, Fast & Furious 6, Hollow Man, 88 Minutes และภาพยนตร์คัลท์คลาสสิกเรื่อง Split Second

 

นีล เอช. มอริทซ์, พี.จี.เอ. (Neal H. Moritz, p.g.a.)—อำนวยการสร้างโดย

มอริทซ์เป็นชาวลอสแองเจลิสและเป็นหนึ่งผู้อำนวยการสร้างที่มีผลงานมากที่สุดในฮอลลีวูดปัจจุบัน เขาสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์จากยูซีแอลเอ ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทในหลักสูตรปีเตอร์ สตาร์ค โมชัน พิคเจอร์ส โปรดิวซิง โปรแกรมจากมหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย ในฐานะผู้ก่อตั้งออริจินอล ฟิล์ม เขาได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์กว่า 50 เรื่อง ซึ่งรวมแล้วทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศไปกว่า 7 พันล้านเหรียญทั่วโลก

ล่าสุด เขาได้เปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง 22 Jump Street และกำลังอำนวยการสร้างภาพยนตร์ปี 2015 เรื่อง Goosebumps ที่สร้างจากชุดหนังสือเด็กเบสต์เซลเลอร์ ผลงานภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ของเขารวมถึงแฟรนไชส์ Fast & Furious, 21 Jump Street, Jack the Giant Slayer, Total Recall, The Change-Up,Battle: Los Angeles, The Green Hornet,The Bounty Hunter, I Am Legend, Vantage Point, Made of Honor, Evan Almighty, Gridiron Gang, Click, S.W.A.T., Sweet Home Alabama, XXX, Out of Time, Blue Streak, The Skulls, Cruel Intentions, Urban Legend, I Know What You Did Last Summer, Volcano  และ Juice

นอกจากนี้ เขายังได้อำนวยการสร้างโปรเจ็กต์จอแก้วมากมาย รวมถึงภาพยนตร์เอชบีโอเรื่อง The Rat Pack ที่ได้รับการเสนอชื่อชิง 11 รางวัลเอ็มมี, ซีรีส์ดรามาเรื่อง Prison Break สำหรับฟ็อกซ์, ซีรีส์ชื่อดังทางโชว์ไทม์เรื่อง The Big C ที่นำแสดงโดยลอรา ลินนีย์ ผู้ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำปี 2011 จากบทเคธีของเธอ และ Save Me ซีรีส์เอ็นบีซี ที่นำแสดงโดยแอนน์ เฮชี ปัจจุบัน เขากำลังอยู่ระหว่างการเตรียมงานสร้างซีรีส์เอเอ็มซี ที่สร้างจากซีรีส์การ์ตูนเรื่อง “Preacher”

 

ไมเคิล ฟอทเทรล (Michael Fottrell)—อำนวยการสร้างโดย

ล่าสุด ไมเคิล ฟอทเทรลทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์โดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สเรื่อง R.I.P.D. ซึ่งนำแสดงโดยเจฟฟ์ บริดเจสและไรอัน เรย์โนลด์สและภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง Fast Five ที่นำแสดงโดยวิน ดีเซล, พอล วอล์คเกอร์และดเวย์น จอห์นสันและกำกับโดยจัสติน ลิน Furious 7 เป็นผลงานเรื่องที่สี่ที่ฟอทเทรลร่วมมือกับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ในแฟรนไชส์ที่ทำรายได้สูงสุดของมัน นอกจากนี้ เขายังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious และ 2 Fast 2 Furious ซึ่งนำแสดงโดยวอล์คเกอร์และไทริส กิ๊บสันอีกด้วย

เขาสำเร็จการศึกษาจากยูเอสซี สคูล ออฟ ซีเนมาติค อาร์ตส์ เขาทำหน้าที่ผู้บริหารและผู้อำนวยการสร้างในภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง รวมถึง Charlie St. Cloud, Live Free or Die Hard, You, Me and Dupree, Herbie Fully Loaded, Catwoman, Sweet Home Alabama ซึ่งนำแสดงโดยรีส วิทเธอร์สปูน, Sorority Boys, The New Guy, Rock Star, Blue Streak, Cruel Intention และ A Very Brady Sequel

นอกเหนือจากงานอำนวยการสร้างแล้ว ฟอทเทรลยังรับหน้าที่ผู้จัดการงานสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่อง Mighty Joe Young, Volcano, Crimson Tide, Gross Anatomy, Warlock และ Shy People

ฟอทเทรลรับหน้าที่ผู้จัดการงานสร้างบริหารที่วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์สและทัชสโตน พิคเจอร์สนานหลายปี โดยเขาได้ดูแลทุกแง่มุมในงานสร้างของภาพยนตร์เรื่อง Father of the Bride, When a Man Loves a Woman, Pretty Woman, Sister Act และ What About Bob?

 

อแมนดา ลูอิส (Amanda Lewis)—ผู้ควบคุมงานสร้าง

อแมนดา ลูอิส เป็นผู้บริหารฝ่ายพัฒนาที่ออริจินอล ฟิล์ม บริษัทโปรดักชันจอแก้วและจอเงินที่มีข้อตกลงในการเสนองานแรกกับโซนี พิคเจอร์ส ปัจจุบัน ลูอิสได้ดูแลงานสร้างแฟรนไชส์แอ็กชันบล็อกบัสเตอร์เรื่อง Fast & Furious เธอได้ทำหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างภาคที่สาม สี่ ห้าและหก ของแฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์เรื่องนี้ แฟรนไชส์นี้ที่เธออำนวยการสร้างทำรายได้รวมกันกว่า 2 พันล้านเหรียญทั่วโลก

ในช่วงทำงานกับออริจินอล ฟิล์มใหม่ๆ ลูอิสได้ทำหน้าที่ผู้ร่วมอำนวยการสร้างในภาพยนตร์ฮิตหลายเรื่อง ซึ่งรวมถึง S.W.A.T. และ Gridiron Gang นอกจากนี้ เธอยังทำหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดีเรื่อง Made of Honor อีกด้วย ลูอิสมีประสบการณ์ในการทำงานภายใต้งบประมาณและรูปแบบการจัดจำหน่ายที่หลากหลายอีกด้วย และเธอยังเคยอำนวยการสร้างแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นลงดีวีดีอีกหลายเรื่องด้วย โปรเจ็กต์หลังจากนี้ของเธอคือการนำภาพยนตร์คลาสสิกเรื่อง Highlander มาสร้างใหม่ และการพัฒนาบทภาพยนตร์หลายเรื่อง

ลูอิสเติบโตในลอสแองเจลิส เธอสำเร็จการศึกษาสาขาภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย โดยเธอให้ความสนใจกับภาพยนตร์เป็นพิเศษ ก่อนหน้าที่จะเข้าทำงานที่ออริจินอล ฟิล์ม เธอได้ทำงานที่เอเจนซีไอซีเอ็ม ที่สาขาในนิวยอร์กและลอสแองเจลิส

 

ซาแมนธา วินเซนต์ (Samantha Vincent)—ผู้ควบคุมงานสร้าง

ซาแมนธา วินเซนต์ เป็นประธานฝ่ายโปรดักชันของวัน เรซ ฟิล์มส์และผู้ร่วมก่อตั้งไทกอน สตูดิโฮส์ บริษัทวิดีโอเกมและภาพยนตร์ของวิน ดีเซล ตามลำดับ วัน เรซ ฟิล์มส์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์รางวัลหลายเรื่องเช่น Strays รวมถึงภาพยนตร์ฮิตอย่าง xXx และ The Pacifier ส่วนไทกอน สตูดิโอส์ถูกสร้างขึ้นในปี 2002 เพื่อสร้างมุมมองแบบภาพยนตร์ที่แปลกใหม่ให้กับวงการวิดีโอเกม The Chronicles of Riddick: Escape From Butcher Bay และเกมออริจินอลอย่าง Wheelman เป็นตัวแทนของผลงานเกมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของบริษัท

ล่าสุด เธอได้ทำหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้างภาพยนตร์ใหม่โดยไลออนส์เกทเรื่อง  The Last Witch Hunter ในปี 2013 วัน เรซ ฟิล์มส์ได้ก้าวเข้าสู่แวดวงอินดีเป็นครั้งแรกด้วย Riddick ภาคสามของแฟรนไชส์ที่รวมแล้วทำรายได้ไปกว่า 267.3 ล้านเหรียญ และเปิดตัวที่อันดับหนึ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศ เธอได้ควบคุมงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious, Fast Five และ  Fast & Furious 6นอกเหนือจากภาพยนตร์และเกมแล้ว วินเซนต์ยังได้นำบริษัทเข้าสู่แวดวงดิจิตอลด้วยซีรีส์แปลกใหม่ที่มีทุนสร้างต่ำ The Ropes ซึ่งนำแสดงโดยทีมนักแสดงหน้าใหม่และนำเสนอความหลากหลายทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง

 

สตีเฟน เอฟ. วินดอน, เอซีเอส (Stephen F. Windon, ACS)—ผู้กำกับภาพ

สตีเฟน เอฟ. วินดอน, เอซีเอส เป็นผู้กำกับภาพที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี ผู้ซึ่งการทำงานเบื้องหลัง 30 ปีเต็มไปด้วยการได้รับการยกย่องและรางวัลระดับโลกมากมาย ผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของเขาได้แก่ภาพยนตร์โดยจอน เอ็ม. ชูเรื่อง G.I. Joe: Retaliation สำหรับพาราเมาท์ พิคเจอร์ส ซึ่งนำแสดงโดยดเวย์น จอห์นสันและบรูซ วิลลิส และภาพยนตร์โดยจัสติน ลินเรื่อง Fast & Furious 6 ก่อนหน้านี้ เขาเคยร่วมงานกับลินมาก่อนในภาพยนตร์เรื่อง The Fast and the Furious: Tokyo Drift และ Fast Five

ในปี 2010 วินดอนได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมีสาขากำกับภาพยอดเยี่ยมสำหรับมินิซีรีส์หรือภาพยนตร์จากอีพิคเอชบีโอที่อำนวยการสร้างโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก/ทอม แฮงค์เรื่อง The Pacific เขาได้รับรางวัลสาขากำกับภาพยอดเยี่ยมสำหรับภาพยนตร์/มินิซีรีส์ทางโทรทัศน์จากเรื่องเดียวกัน จากเวทีสมาคมผู้กำกับภาพอเมริกันปี 2010 (เอเอสซี) ระหว่างการทำงานที่ยาวนาน เขาได้รับเจ็ดรางวัลสมาคมผู้กำกับภาพออสเตรเลียน, ได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลียและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ออสเตรเลีย การทำงานของชาวออสเตรเลียผู้นี้เริ่มต้นในแวดวงจอแก้วในออสเตรเลียน บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชัน โดยเธอเริ่มต้นจากการเป็นผู้ช่วยช่างกล้องสารคดีและข่าว ก่อนจะขยับไปแผนกดรามาและไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งผู้กำกับภาพในมินิซีรีส์หลายเรื่อง

การทำงานต่างประเทศของวินดอนเริ่มต้นขึ้นในปี 1993 เมื่อเขาได้ทำงานภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแรก Rapa-Nui ที่กำกับโดยเควิน เรย์โนลด์ส ในช่วงหลายปีนี้ เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างหลายคน ซึ่งรวมถึงเควิน คอสต์เนอร์, เรนนี ฮาร์ลิน, สตีเวน สปีลเบิร์ก, ทอม แฮงค์, ดไวท์ ลิตเติล, ทิโมธี แวน แพทเทน, เกรแฮม ยอสต์, เดวิด นัตเตอร์, โจม คอลเล็ต-เซอร์ราและสเตฟาน เอลเลียต

 

บิล เบรสกี้ (Bill Brzeski)—ผู้ออกแบบงานสร้าง

บิล เบรสกี้ เป็นผู้ออกแบบงานสร้างที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง ด้วยประสบการณ์ในแวดวงจอแก้ว จอเงิน ละครเวทีและตกแต่งภายในมากว่า 30 ปี

ผลงานภาพยนตร์ของเขาในฐานะผู้ออกแบบงานสร้างรวมถึงภาพยนตร์ยอดนิยมในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกเรื่อง Iron Man 3 สำหรับมาร์เวล ผลงานการร่วมงานกันระหว่างเขากับผู้กำกับท็อดด์ ฟิลลิปส์รวมถึงคอเมดีฮิตถล่มทลายเรื่อง The Hangover ที่เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลสมาพันธ์ผู้กำกับศิลป์สาขาออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, ซีเควล The Hangover Part 2 และ Due Date ที่นำแสดงโดยโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์และแซ็ค กาลิฟิอานาคิส ทั้งคู่จะได้ร่วมงานกันอีกเป็นครั้งที่สี่ใน Arms and the Dudes สำหรับวอร์เนอร์ บรอส. พิคเจอร์ส

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ภาพยนตร์รางวัลออสการ์โดยเจมส์ แอล. บรู๊คส์เรื่อง As Good as It Gets, ภาพยนตร์โดยร็อบ ไรเนอร์เรื่อง The Bucket List, Stuart Little, Stuart Little 2, Flipped, Blue Streak, Matilda และ The Forbidden Kingdom ที่นำแสดงโดยเฉินหลงและเจ็ท ลี

เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยไมอามีและปริญญาโทด้านการออกแบบจากทิสช์ สคูล ออฟ ดิ อาร์ตส์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เดิมที เขาสนใจการออกแบบงานสร้างบัลเลต์และโอเปรา เขาเริ่มต้นการทำงานในโรงละครก่อนที่จะย้ายไปลอสแองเจลิส

เขาเริ่มต้นทำงานในแวดวงจอแก้วและทำหน้าที่ผู้ออกแบบงานสร้างในกว่า 800 เอพิโซดและตอนไพล็อต 30 ตอน ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือ Growing Pains, Ellen และ The Nanny นอกจากนี้ เขายังได้ออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งรวมถึงร้านซูซีนา เบเกอรีในลอสแองเจลิสอีกด้วย

 

ซันจา มิลโควิค เฮย์ส (Sanja Milkovic Hays)—ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย

ซันจา มิลโควิค เฮย์ส เป็นที่รู้จักจากการสร้างลุคที่โดดเด่นให้กับภาพยนตร์หลากหลายที่เธอทำงานด้วย ล่าสุด เธอได้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟเรื่อง Total Recall ที่นำแสดงโดยโคลิน ฟาร์เรล, เคท เบคคินเซล, เจสสิก้า บีลและไบรอัน แครนสตันรวมถึงภาพยนตร์ใหม่เรื่อง Maze Runner: The Scorch Trials ด้วย

ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเฮย์สรวมถึง Battle: Los Angeles ซึ่งนำแสดงโดยแอรอน เอคฮาร์ท, มิเชลล์ โรดริเกซและบริดเจ็ท มอยนาฮัน,  Piranha 3D, The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor, Next และ Gridiron Gang นอกเหนือจาก Fast & Furious 7 แล้ว เฮย์สยังได้สร้างลุคสุดเซ็กซีในทั้งหdภาคก่อนหน้านี้ของแฟรนไชส์นี้ อันได้แก่ The Fast and the Furious, 2 Fast 2 Furious, The Fast and the Furious: Tokyo Drift, Fast & Furious, Fast Five และ Fast & Furious 6

ผลงานภาพยนตร์ที่หลากหลายของเธอได้แก่ XXX, XXX: State of the Union, Taxi, Cheaper by the Dozen, Big Fat Liar, Along Came a Spider, Mission to Mars, Star Trek: Insurrection, Blade, 8 Heads in a Duffel Bag, Spaced Invaders และ Masque of the Red Death

เธอเป็นผู้ช่วยออกแบบเครื่องแต่งกายสำหรับภาพยนตร์แฟนตาซีไซไฟเรื่อง Mighty Morphin Power Rangers: The Movie และภาพยนตร์ฮิตสองเรื่องจากผู้กำกับโรแลนด์ เอ็มเมอริค ได้แก่เรื่อง Stargate และ Independence Day

เฮย์สเกิดในเมืองซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย ที่ซึ่งเธอสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในท้องถิ่น

 

คริสเตียน แว็กเนอร์ (Christian Wagner)—ลำดับภาพโดย

คริสเตียน แว็กเนอร์มีผลงานเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์โดยจัสติน ลินเรื่อง Fast & Furious 6, Fast Five และ Fast & Furious, ภาพยนตร์โดยลี ทามาโฮริเรื่อง Next และ Die Another Day ซึ่งทำให้แว็กเนอร์กลายเป็นมือลำดับภาพชาวอเมริกันคนแรกที่ได้ทำงานในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์, Domino และ Man on Fire ที่กำกับโดยโทนี สก็อตและ The Island ที่กำกับโดยไมเคิล เบย์

ล่าสุด เขาได้ลำดับภาพให้กับ Total Recall และ Battle: Los Angeles ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา Spy Game, The Fan และ True Romance ที่กำกับโดยโทนี สก็อต, Mission: Impossible II และ Face/Off ที่กำกับโดยจอห์น วู, The Negotiator ที่กำกับโดยเอฟ แกรี เกรย์, Bad Boys ที่กำกับโดยไมเคิล เบย์, Chasers ที่กำกับโดยเดนนิส ฮ็อปเปอร์ และ Hero and the Terror ที่กำกับโดยวิลเลียม แทนเนน

 

ไบรอัน ไทเลอร์ (Brian Tyler)—ดนตรีโดย

ไบรอัน ไทเลอร์ ผู้ประพันธ์และวาทยากรของภาพยนตร์กว่า 70 เรื่อง เพิ่งได้รับรางวัลคิว อวอร์ดปี 2014 ในสาขาผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี เขาได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง Iron Man 3 ที่นำแสดงโดยโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์และเบน คิงส์ลีย์และ Thor: The Dark World ที่นำแสดงโดยคริส เฮมส์เวิร์ธ, นาตาลี พอร์ทแมนและแอนโธนี ฮ็อปกินส์ เขาได้ทำหน้าที่วาทยากรของลอนดอน ฟิลฮาร์โมนิค ออร์เคสตราที่แอ็บบีย์ โร้ด สตูดิโอส์สำหรับทั้งสองเรื่อง นอกจากนี้ เขายังได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง Eagle Eye ให้กับผู้อำนวยการสร้างสตีเวน สปีลเบิร์กและภาพยนตร์ฮิตในบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง Fast Five และ Fast & Furious สำหรับผู้กำกับจัสติน ลินอีกด้วย เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลบาฟตา อวอร์ด ปี 2014 และได้รับการบรรจุอยู่ในสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์สาขาดนตรีในปี 2010

เขาเริ่มแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ไม่นาน และเขาก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากยูซีแอลเอ เขาเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด ทั้งเปียโน กีตาร์ กลอง เบส เชลโล เวิลด์เพอร์คัสชัน โปรแกรมซินธ์ กีตาร์ไวออล คาแรงโก้และบูโซกิ เขาได้เล่นเครื่องดนตรีหลายชนิดในภาพยนตร์ปล้นเรโทรปี 2013 เรื่อง Now You See Me เกี่ยวกับทีมนักมายากล ซึ่งนำแสดงโดยมอร์แกน ฟรีแมน, เจสซี ไอเซนเบิร์ก, ไมเคิล เคน, วู้ดดี้ ฮาร์เรลสันและมาร์ค รัฟฟาโล

ไทเลอร์ได้เรียบเรียงและทำหน้าที่วาทยากรของดนตรีประกอบโลโก้ใหม่สำหรับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สและได้แต่งเพลงธีมให้กับโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของสตูดิโอด้วย เขาได้แต่งดนตรีประกอบโลโก้มาร์เวล สตูดิโอส์ ซึ่งเปิดก่อนที่จะฉายภาพยนตร์ทุก เรื่องของพวกเขา นอกจากนี้ เขายังได้แต่งดนตรีประกอบแฟรนไชส์ The Expendables และ Rambo ที่กำกับโดยซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, Law Abiding Citizen ที่นำแสดงโดยเจมี ฟ็อกซ์และเจอราร์ด บัตเลอร์, ทริลเลอร์โดยคีอานู รีฟส์เรื่อง Constantine และอีพิคไซไฟเรื่อง Battle: Los Angeles ดนตรีประกอบภาพยนตร์โดยบิล แพ็กซ์ตันเรื่อง Frailty ของเขาได้รับรางวัลเวิลด์ ซาวน์แทร็ค อวอร์ดในปี 2002 และเวิลด์ ซาวน์แทร็ค อวอร์ดสาขาผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี เขาได้รับการเสนอชื่อชิงสามรางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ด, 10 รางวัลบีเอ็มไอ มิวสิค อวอร์ด, ห้ารางวัลเอเอสซีเอพี มิวสิค อวอร์ดและเมื่อเร็วๆ นี้ ก็เพิ่งได้รับ 12 รางวัลโกลด์ สปิริต อวอร์ดรวมถึงสาขาผู้ประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมแห่งปี

หลังจากแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Hunted สำหรับผู้กำกับรางวัลอคาเดมี อวอร์ด วิลเลียม ฟรายด์คิน เขาก็ได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ดรามาช่วงเปลี่ยนศตวรรษเรื่อง The Greatest Game Ever Played ที่นำแสดงโดยไชอา ลาบัฟ ซาวน์แทร็คสำหรับเรื่อง  Children of Dune ของเขาติดอันดับสี่ในชาร์ตอัลบัมของเว็บ Amazon.com ในขณะที่ Thor: The Dark World, Iron Man 3 และ Fast Five ต่างก็ติดอันดับหนึ่งในชาร์ตซาวน์แทร็คของ iTunes

เมื่อเร็วๆ นี้ เขาได้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ยอดนิยมเรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles และทริลเลอร์หายนะที่อัดแน่นไปด้วยแอ็กชันเรื่อง Into the Storm นอกจากนี้ เขายังได้แต่งเพลงธีมใหม่ให้กับรายการเอ็นเอฟแอลของอีเอสพีเอ็น ซึ่งเป็นการปรับดนตรีใหม่ครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ปี 1997

โปรเจ็กต์หลังจากนี้ของไทเลอร์รวมถึง Avengers: Age of Ultron สำหรับจอแก้ว เขาได้แต่งดนตรีประกอบซีรีส์ Scorpion, Hawaii Five-0 และ Sleepy Hollow ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลไพรม์ไทม์ เอ็มมี อวอร์ดครั้งที่สาสาขาเพลงไตเติล ธีมออริจินอลยอดเยี่ยมในปี 2014