เปิดใจ “ตั้ว-เสฎฐวุฒิ” คว้าโอกาสบนเส้นทางมายา ปลื้มกระแสซีรีส์ “ฮอร์โมน” ดีเกินคาด ไม่หวั่นคนมองติดภาพเกย์

คอลัมน์ คุยกับดาว
เรื่อง / ภาพ – อนันต์ ธัญญ์รัตน์

ผ่านตาจากโฆษณาและหนังมาบ้าง แต่แทบจะไม่เป็นที่รู้จักสักเท่าไร กระทั่งจากผลงานล่าสุดแจ้งเกิดเต็มตัวกับบทรักซึ้งๆชายรักชาย ในซีรีส์ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” เรียกได้ว่าเรทติ้งกระฉูด โดยเฉพาะฉากจูบที่ทำเอาสาววาย และชาวสีม่วงฮือฮาไปตามๆ กัน

มาแรงแซงโค้งแบบนี้ จนหลายคนถามไถ่ว่าหนุ่มหน้าหล่อในเรื่องนี้เป็นใคร อยากรู้จักหนุ่มน้อยคนนี้ให้มากกว่าที่เห็นบนจอทีวี วันนี้เลยสนองตอบแฟนๆ ด้วยการคว้าหนุ่ม “ตั้ว-เสฎฐวุฒิ” มาพูดคุย รวมไปถึงเรื่องหัวใจ ที่สาวๆ อยากรู้ว่าหนุ่มตั้ว มีใครจับจองแล้วหรือยัง ว่าแล้วมาเปิดหัวใจหนุ่มน้อยคนนี้กันเล้ย…

ชีวิตวัยเด็กเป็นยังไง?
ตั้ว: ตอนเด็กตั้วค่อนข้างจะสนุกสนาน เพราะมีความทรงจำกับเพื่อนเยอะ อย่างเช่นตอนประถมเคยเตะฟุตบอลไปโดนกระจกอาคารแตกแล้วโดนครูทำโทษ พอขึ้นมัธยมก็จะมีกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่ชอบเล่นกีฬาด้วยกันทั้งวัน เราเป็นรุ่นพี่เวลามีรุ่นน้องเข้ามาใหม่ๆ ก็จะไปแอบมองว่าน้องคนนี้น่ารัก เวลาน้องเค้าเดินผ่านก็จะโชว์ออฟเลี้ยงบอล หลบบอล ยิงบอล ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเท่ห์ อีกอย่างการเล่นกีฬาทำให้รู้สึกว่าเราแข็งแรงสุขภาพร่างกายดีขึ้นครับ

เริ่มเข้าวงการยังไง?
ตั้ว: ตอนอายุ 14 เลิกเรียนไปกินข้าวกับเพื่อนที่สยาม แล้วก็มีพี่โมเดลลิ่งมาขอถ่ายรูปเผื่อส่งงานโฆษณาเดินแบบก็เลยให้เบอร์ติดต่อไป ผ่านมาได้ 1 สัปดาห์ พี่เค้าก็ติดต่อมาว่ามีงานเดินแบบสนใจทำไหม ตอนนั้นตื่นเต้นมากครับ แต่ก็อยากลอง เราเคยเห็นคนตัวสูงหน้าตาดีทำ เราก็เลยอยากทำ ก็เลยตอบตกลงไป พอทำครั้งแรกก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ เวลาเดินแบบก็จะมีแฟลชกล้องถ่ายภาพ ทำให้รู้สึกว่าการทำงานตรงนั้นทำให้เรากลายเป็นจุดสนใจในชั่วขณะหนึ่ง เลยตัดสินใจจะลองทำงานตรงนั้นดู พอบอกพี่เค้าไปว่าชอบ เค้าก็ส่งงานให้มาแคสเรื่อยๆ ประมาณ 3-4 ครั้ง ก็ได้เล่นโฆษณาเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งครับ หลังจากนั้นก็มีงานเดินแบบเข้ามาเรื่อยๆ จนมีโฆษณาตัวที่สอง คือ รอยไทย น้ำแกงสำเร็จรูป ปีที่แล้วได้มีโอกาสเล่นหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งเปลี่ยนชีวิตผมในเรื่องของความคิด เพราะเราได้เจอคนหลายคน การทำงานกับคนที่เราไม่รู้จักเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากัน เปิดกว้างในเรื่องต่างๆ ที่เราสามารถเข้ากับคนอื่นได้ จนกระทั่งได้มาเล่นซีรีส์ฮอร์โมนครับ

คิดยังไงกับวงการ?
ตั้ว: รู้สึกว่าวงการนี้ให้อะไรกับเราเยอะ สนุก ไม่น่าเบื่อ มีอะไรท้าทายตลอดเวลา อย่างแรกคือทำให้ความคิดของผมเปลี่ยน ช่วงแรกที่เข้ามาผมยังมีความคิดแบบเด็ก ยังไม่มีวุฒิภาวะ ทำให้คนอื่นไม่พอใจ ทำให้มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็มีพี่ๆ คอยสอนคอยตักเตือน ทำให้ชีวิตเราค่อยๆ โตขึ้น จนทำให้มาอยู่ตรงนี้ได้ครับ

เตรียมรับกับความไม่เป็นส่วนตัวบ้างหรือยัง?
ตั้ว: ระดับหนึ่งครับ ในเรื่องของการพูด การเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่างเมื่อก่อนผมเป็นคนที่อยากลงรูปอะไรก็ลง บางอย่างที่เป็นแบบคำพูดไม่สุภาพหรือการเมนชั่นหาเพื่อน ตอนนี้ก็ต้องระวังในเรื่องของคำพูด ถ้าคนเห็นอาจจะดูไม่ดีครับ ก็ต้องคอยปรับ เรื่องความไม่เป็นส่วนตัวก็ยังเหมือนเดิม ผมก็ยังรักษาความเป็นส่วนตัวไม่ให้แฟนคลับหรือใครที่ไม่ใช่เพื่อนหรือคนในครอบครัวของผม ยุ่งมากจนเกินไป ชีวิตปัจจุบันของผมก็จะให้เจอตามงานมากกว่า มีมาเจอหน้าโรงเรียนบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดเดินมาหาถึงในโรงเรียน มารบกวนเวลาที่ผมอยู่กับเพื่อน ยังรักษาตรงนั้นได้อยู่ครับ

มาเป็นส่วนหนึ่งของ “ฮอร์โมน” ได้ยังไง?
ตั้ว: ปลายปีที่แล้ว พี่โมเดลลิ่งแนะนำให้มาแคส ยอมรับว่าตื่นเต้นมากเพราะเคยดูหนังของพี่ย้งมาหลายเรื่อง รู้สึกว่าพี่ย้งเป็นคนที่เก่งมากได้ทำงานกับพี่เค้าน่าจะพัฒนาฝีมือการแสดงและความคิดของเราไปได้เยอะ ตอนมาแคสรอบแรกจะมีบทธีร์กับดิน รู้สึกเกร็งว่าเราจะเล่นออกมาได้ดีไหม แต่พอแคสเสร็จพี่แคสติ้งก็ชอบ ตอนนั้นพี่ย้งไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เลยไม่ได้เจอกัน พอพี่ย้งกลับมาก็เรียกผมมาสัมภาษณ์ว่ามุมมองความรักเป็นยังไง ชีวิตเรื่องเรียนเป็นยังไง การดำเนินชีวิตเป็นยังไง มีเรื่องที่เคยทำไว้ไม่ดีไหม ให้นั่งเล่าเกี่ยวกับชีวิตของเรา หลังจากนั้นช่วงนึงพี่ย้งก็บอกกับเราว่าพี่เลือกเรานะ ให้ลองมาเวิร์กช็อปกับนักแสดงของฮอร์โมน

ตอนมาเวิร์กช็อปครั้งแรกรู้สึกถึงความเกร็งเลยครับ เพราะพี่หลายคนเป็นนักแสดงที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงอยู่แล้ว เราเป็นเด็กใหม่ไม่เคยเจอไม่เคยคุยมาก่อน รู้จักเพียงผลงานการแสดงของเค้า ตอนแรกก็เกร็งไม่พูดอะไรเลยครับ แต่โชคดีที่มีพี่ที่ผมรู้จักอยู่คนหนึ่งคือพี่ต่อครับ เคยถ่ายโฆษณาด้วยกัน พอมาเจอพี่ต่ออีกครั้งก็รู้สึกสบายใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีพี่ที่เรารู้จักเคยทำงานร่วมกันมาแล้วครั้งหนึ่งครับ ช่วงแรกยังปรับตัวไม่ค่อยได้แต่พอเวิร์กช็อปกันไปเรื่อยๆ จะมีการเปิดใจให้เรารู้จักกันมากขึ้นในเวลาอันสั้น ผมเจอหลายคำถามที่ค่อนข้างแรง เป็นเรื่องส่วนตัวของผมครับ แต่เพื่อการปรับตัวให้รู้จักกันมากขึ้นอย่างรวดเร็วก็ต้องบอกทุกอย่าง ผ่านไปช่วงหนึ่งก็สนิทกันครับ กลายเป็นพี่ๆที่น่ารักคอยสอนผมทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแสดง การเข้าฉาก การอยู่ด้วยกัน การปฏิบัติตนร่วมกับผู้อื่น

ร่วมงานกับพี่ย้งรู้สึกยังไงบ้าง?
ตั้ว: ประสบการณ์อีกอย่างที่ได้คือความอดทนครับ การร่วมงานกับพี่ย้งเป็นอะไรที่หนักมากสำหรับผมที่ไม่เคยทำงานตรงนี้แบบหนักมาก่อนเลย พอมาเจอพี่ย้งต้องบอกเลยว่าพี่ย้งเป็นผู้กำกับที่ละเอียดมาก และเป็นคนที่เข้มงวดมากในเรื่องของการแสดง ถ้ามีตรงไหนที่ยังไม่ดีตามมาตรฐานของพี่ย้ง พี่เค้าจะไม่ปล่อยผ่าน ทำให้เราอดทนมีความสามารถในการแสดงมากขึ้น พอเราไปทำงานอื่นๆ ผมว่ามันง่ายขึ้นเพราะว่าพี่เค้าฝึกเรามาเยอะพอสมควรครับ

คิดไหมว่ากระแสตอบรับจะออกมาดีขนาดนี้?
ตั้ว: ไม่เคยคิดมาก่อนเลยครับ ตอนแรกที่เราถ่ายทำกันมาก็คิดว่าดูกันในเครือจีทีเอช เพื่อน ผู้ปกครองของเด็ก แต่พอปล่อยทีเซอร์ออกมากลายเป็นว่าทุกคนให้ความสนใจกับซีรีส์ของเรา ซึ่งผมก็รู้สึกดีใจในช่วงแรก และพอซีรีส์เริ่มออกอากาศตั้งแต่ Episode แรกจนถึงล่าสุด ก็รู้สึกปลาบปลื้ม ดีใจมากๆ เลยครับ หายเหนื่อยเลย เพราะว่าความตั้งใจในการทำงานของเราทำให้ผลตอบรับของตัวเราและทีมงานออกมาดีขนาดนี้

รู้สึกประหม่าบ้างไหมที่ต้องจูบกับผู้ชาย?
ตั้ว: ไม่ค่อยครับ (หัวเราะ) เพราะผมกับพี่มาร์ชถ่ายด้วยกันแทบทุกฉากอยู่แล้ว เวลาเวิร์กช็อปก็เข้าคู่กัน เรียนรู้ สัมผัสต่างๆ ของกันและกัน อย่างเช่นเวลาหลับตาให้เรียนรู้ว่าคนนี้ลักษณะเป็นยังไง จิตใจเป็นยังไง ใช้แค่ร่างกายสัมผัส ทำให้ความเขินน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่พอมาถึงฉากนั้นก็ต้องยอมรับว่าตื่นเต้นมากครับ (หัวเราะ) เพราะไม่เคยจูบกับผู้ชายมาก่อน ก่อนเข้าฉากพี่ย้งเดินมาบอกกับผมและพี่มาร์ชว่า ถ้าไม่อยากโดนหลายๆ ครั้งก็เอาให้ครั้งเดียวผ่านนะ มีสมาธิดีๆ ผมก็บอกกับพี่มาร์ชว่า ผมขอนะพี่ ครั้งเดียวพอเนอะ อย่าให้หลายครั้งเลย (หัวเราะ) ตอนเริ่มถ่ายก็รู้สึกเกร็งฮะ อยากหัวเราะ แต่ในใจเราต้องนึกว่าอยากให้ผ่านไปด้วยดี ผ่านไปให้เร็วที่สุด เพราะตอนนั้นก็ติดปัญหาเรื่องโลเกชั่นซึ่งมันดึกมากแล้ว สุดท้ายก็ออกมาเป็นภาพที่ทุกคนเห็น ส่วนตัวผมก็คิดว่าทำได้ดีฮะ

กลัวคนจะมองไหมว่าชีวิตจริงเราจะเป็นแบบในจอ?
ตั้ว: ช่วงแรกกลัวครับ ตอนสัมภาษณ์พี่ย้งถามว่ากลัวไหมถ้าต้องมีเลิฟซีนกับผู้ชาย หลังจากซีรีส์นี้จบไปจะโดนมองว่าเป็นเกย์ไหม แต่ตอนนี้ไม่แล้วครับ อย่างพี่มาร์ชเคยรับบทชายรักชายมาก่อน ในชีวิตปัจจุบันก็ไม่มีใครมองเค้าว่าเป็นเกย์ แต่ผมกังวลอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื่องของงานการแสดงครับ งานที่ติดต่อเข้ามาจะเป็นลักษณะเดียวกันหรือเปล่า เหมือนพี่มาร์ชที่เล่นหนังรับบทชายรักชายมาก่อน พอมาซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นชายรักชายอีก ผมจะกลัวเป็นเรื่องนั้นมากกว่า เรื่องติดภาพว่าคนมองเป็นเกย์ผมไม่ติดใจครับ เพราะคิดว่าถ้าเราทำให้คนอินและเชื่อว่าเราเป็น ธีร์ จริงๆ ผมว่าผมก็ประสบความสำเร็จในบทนี้ครับ

ดราม่าได้อารมณ์มาก เอามาจากชีวิตจริงหรือเปล่า?
ตั้ว: เรื่องที่ทำให้อารมณ์ออกมาถึงจุดนั้นมาจากชีวิตจริงครับ ก่อนที่เราจะทำอารมณ์พี่ย้งเดินมาบีฟว่าให้นึกถึงเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิตครับ ผมนึกถึงว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นแฟนกับผม แต่ตอนนี้เลิกกันไปแล้ว ช่วงนั้นผมยังรู้สึกดึกับเขาอยู่ และเขาไปเป็นแฟนกับเพื่อนผมอีกคน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เราไม่มีสิทธิที่จะแสดงออกกับเขาหรือบอกเขาได้อีกแล้วว่าเรายังรู้สึกดีกับเขาอยู่ ถึงเราทำไปก็ไม่ทำให้เขากลับมาหาเราได้อีกอยู่ดี มีเพลงอยู่เพลงหนึ่ง พูดในใจ ของ บอดี้สแลม มีอยู่ท่อนนึงของเพลงที่บอกว่า เจ็บปวดที่ฉันยังพูดได้แค่ในใจ ก็รู้ถ้าพูดออกไป เธอคงจะไม่ย้อนกลับมา ซึ่งผมฟังแล้วมันใช่กับตัวผมในเวลานั้น ผมฟังไปเกือบสิบรอบจนทำให้อารมณ์ผมเข้าถึงจุดนั้นได้ครับ

แล้วตอนนี้มีคนรู้ใจไหม?
ตั้ว: ไม่มีเป็นตัวตนฮะ จะเป็นมองเรื่อยๆ ซะมากกว่า แต่ก็ไม่ได้จริงจังถึงขั้นที่จะมานั่งคุยกันว่าอยากได้การพัฒนาความสัมพันธ์ถึงขั้นแฟนฮะ เพราะตอนนี้เราต้องทำงานและเรียนหนังสือ ผมอยากโฟกัสเรื่องพวกนี้ก่อนดีกว่าครับ ความรักมันเคยทำให้เราเจ็บก็เลยไม่อยากไปจริงจังกับมันมากจนทำร้ายเราอีก แต่ถ้าเราโฟกัสกับเรื่องเรียนและเรื่องงานก็จะมีแต่สิ่งที่ดีตามเรามา จึงอยากโฟกัสแค่ 2 เรื่องนี้ไว้ก่อนครับ

มีสเป๊กในใจหรือเปล่า?
ตั้ว: ผมเป็นคนไม่มีสเป๊กฮะ ถ้ามองโดยรวมว่าคนนี้น่ารักดี ขาว ก็โอเคเริ่มคุยกันฮะ (ยิ้ม) ถึงเป็นคนที่สวยหรือน่ารักขนาดไหนแต่ถ้าผมมองแล้วนิสัยไม่เข้ากัน คุยกันแล้วมีอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เข้ากัน ก็ต้องยอมรับในจุดนั้นครับ (เสียใจไหม?) ไม่เสียใจ พร้อมที่จะศึกษาคนใหม่เรื่อยๆ ความรักก็เหมือนการเรียนรู้ ทำให้ชีวิตเรามีสีสันดีฮะ

เสน่ห์ของตั้วอยู่ตรงไหน?
ตั้ว: คงเป็นเรื่องของส่วนสูงครับ ผมเป็นคนอายุน้อยแต่ตัวสูง หลายคนคงไม่คิดว่าผมจะเป็นเด็กมัธยม เวลาเจอผมก็จะนึกว่าอยู่มหาวิทยาลัยหรือเปล่า อีกอย่างผมเป็นคนอารมณ์ดี ชอบยิ้ม ชอบหัวเราะ คนที่คุยด้วยจะไม่รู้สึกเครียด หรือมีเรื่องเครียดมาคุยกับเราทำให้ความเครียดหายไปได้ เพราะผมเป็นคนที่ค่อนข้างเอ็นเตอร์เทนคนเก่ง ผมคิดว่าน่าจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คนชอบผมครับ

ถ้าจะแนะนำคนชื่อ ตั้ว ให้คนอื่นได้รู้จัก?
ตั้ว: ผมเป็นคนขี้เขินครับ (หัวเราะ) จะเป็นคนที่ชอบเขินเวลาโดนคนอื่นจ้องหน้าหรือให้ความสำคัญ อย่างเช่นไปออกรายการกับพี่มาร์ช พี่เค้าจะเป็นคนชอบแกล้ง เค้าจะรู้ว่าผมเป็นคนขี้เขินฮะ เค้าก็จะชอบแซวว่า เอ้ย..ตั้ว / เอ้ย..จริงหรอ อะไรประมาณนี้ฮะ ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนคิดกันว่าผมเป็นเกย์ในชีวิตจริงหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ครับ เป็นคนขี้เขินฮะ (ยิ้ม)

ไอดอลในชีวิตของตั้วคือใคร?
ตั้ว: ไอดอลของผมคือคุณแม่ครับ เพราะผมเป็นผู้ชายที่สนิทกับแม่มากกว่าพ่อฮะ ก็จะไม่เหมือนคนทั่วไป พ่อของผมทำงานรับราชการตำรวจ จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกเท่าไร ผมเลยมีเวลาอยู่กับแม่เยอะ สำหรับผมแล้วแม่เป็นคนที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากพ่อเลยฮะ เป็นคนที่คอยสอนคอยเลี้ยงดูเรา เป็นคนที่เราพูดคุยได้ทุกเรื่อง เป็นคนเก่ง ไม่ว่าเราจะถามเรื่องอะไรไป คุณแม่ของผมจะมีวิธีการพูดที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาได้ เป็นคนขยันทำงานมาก คุณแม่ผมเป็นเภสัชกรทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุดเลยฮะ อย่างวันเสาร์อาทิตย์ที่เป็นเวลาพักผ่อนก็จะไม่พักเหมือนคนอื่นเขา จะไปอยู่ร้านขายยา เป็นบุคคลที่ผมอยากเอาเป็นแบบอย่างในเรื่องของการทำงานครับ

คนมักพูดว่าพอดังแล้วจะเปลี่ยนไป คิดว่าตัวเองจะเป็นอย่างนั้นไหม?
ตั้ว: ก็เหมือนเดิมครับ เราเคยเป็นยังไงเราก็แบบเดิมครับ ทำตัวปกติ ไม่ใช่ว่าเป็นนักแสดงที่เริ่มมีชื่อเสียงแล้วจะทำตัวหยิ่งไม่คุยกับใคร ผมว่ามันไม่ใช่ฮะ ผมว่าเราควรเป็นตัวของเราเองมากกว่า คนที่ชอบเรารักเราติดตามผลงานของเรา จะรักที่ความเป็นตัวเราฮะ

พอใจกับตัวเองในตอนนี้แล้วหรือยัง?
ตั้ว: ในเรื่องของฝีมือการแสดงผมว่าตอนนี้ผมยังทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร ผมอยากทำอะไรอีกหลายๆ บทบาท อย่างเช่น เรื่องของหนังผี เพราะผมรู้สึกว่าการที่จะกลัวจริงๆ ผ่านแววตาทำให้คนเชื่อได้มันเป็นเรื่องยาก การเศร้าโดยไม่ต้องร้องไห้ การมองตาแล้วทำให้รู้สึกถึงความรู้สึกข้างในว่าเราเศร้าหรือเรามีเรื่องในใจอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ท้าทาย ผมอยากถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกไปกับเรา ส่วนงานอื่นๆ ที่อยากลองทำก็เป็น พิธีกร ตามรายการต่างๆ เพราะผมได้ไปออกรายการ Play gang ช่อง Play GTH on Air เจอพี่มาร์ช พี่ท็อป ก็รู้สึกว่าการเป็นพิธีกรมันสนุกครับ ผมว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ ต้องเป็นคนที่มีคารมดี รู้จักวิธีการพูด เพราะถ้าเราเป็นพิธีกร เราพูดอะไรที่ไม่ดีออกไปหรือพูดแล้วทำให้คนใดคนหนึ่งเสียก็ทำให้ตัวเราเสียไปด้วย ซึ่งก็น่าสนุกดี อยากลองทำดูครับ

ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้ อยากทำอะไรต่อ?
ตั้ว: วงการบันเทิงก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียหลายอย่างเหมือนกันฮะ ข้อดีคือหลายคนอยากทำเพราะทำให้มีรายได้มากขึ้น มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก มีแฟนคลับ มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่ข้อเสียก็คือ ความสุขตรงนั้นมันจะไม่อยู่กับเราตลอดไป มันมีช่วงเวลาของมัน ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันจะทำให้เราเป็นแบบนี้ไปได้ตลอดหรือเปล่า ก็อยากโฟกัสเรื่องเรียนมากกว่าเพราะเรื่องเรียนทำให้ชีวิตของเราเดินไปได้ตลอด แต่วงการบันเทิงก็เป็นการทำงานที่ผมรักและรู้สึกสนุก ก็ยังอยากทำงานตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ ครับ

แบ่งเวลาเรียนกับทำงานยังไง?
ตั้ว: ในช่วงแรกๆ ก็ต้องปรับตัวครับ อย่างปกติผมจะเรียนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์เหมือนเด็กทั่วไป แต่พอมาถ่ายฮอร์โมน คิวถ่ายเกือบทุกคิวจะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ผมก็จะเสียเวลาในเรื่องของการเรียนพิเศษไป ก็เลยทำให้ผมต้องขยันขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าครับ การที่เราทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ เวลาที่เราทบทวนอ่านหนังสือจึงมีน้อย ทำให้การเรียนตกลงมานิดนึง แต่ก็ไม่ใช่เพราะงานอย่างเดียว เหมือนเราไปสนใจเรื่องอื่นด้วย เรื่องความรัก ความสนุก การที่เราออกมาเจอโลกมากขึ้นรู้จักอะไรมากขึ้น ทำให้สมาธิในการเรียนของเราเสียไปบ้าง ส่วนเวลาเรียนปกติจันทร์-ศุกร์ จะมีกระทบบ้างเป็นบางวัน แต่ไม่บ่อยครับ

แพลนว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยไหน?
ตั้ว: คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ

อยากให้ฝากผลงานตัวเองนิดนึง
ตั้ว: ก็อยากฝากซีรีส์ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ทุกวันเสาร์ สี่ทุ่ม ทางช่องจีเอ็มเอ็มวัน เป็นการร่วมงานครั้งแรกกับพี่ย้งและนาดาวบางกอก ซึ่งเป็นโปรดักชั่นที่ทำฮอร์โมนเรื่องนี้ อยากให้เป็นกำลังใจให้ชีวิตรักของ ธีร์ กับ ภู ว่าจะเป็นยังไงต่อ ความรักของสองคนนี้จะจบลงยังไง และผลงานอื่นๆ ตอนนี้มีรับเชิญ ซีรีส์เอทีเอ็ม เออรักเออเร่อ ซึ่งจะออกอากาศทางช่องจีเอ็มเอ็มวันเหมือนกัน คาดว่าปลายปีน่าจะได้รับชมกัน ตอนนี้อยู่ในช่วงของการถ่ายทำครับ อยากให้ติดตามเป็นกำลังใจกันไปเรื่อยๆ ครับ

สุดท้ายก่อนจากกัน หนุ่มตั้วก็ขอฝากถึงแฟนๆ ฮอร์โมนว่า “ขอบคุณผู้ชมทุกคนจริงๆ ครับที่คอยติดตามให้กำลังใจพวกเรา คำว่าขอบคุณคงไม่พอครับ สัญญาว่าถ้าทำ Season 2 ได้ก็อยากทำเหมือนกันครับ ความเป็นไปได้มี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับพี่ย้งคนเดียวครับ”

ประวัติ
ชื่อ-สกุล: เสฎฐวุฒิ อนุสิทธิ์
ชื่อเล่น: ตั้ว
วันเกิด: 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540
อายุ: 16 ปี
ส่วนสูง: 184 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 65 กิโลกรัม
การศึกษา: มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร
งานอดิเรก: ดูหนัง ฟังเพลง
สีที่ชอบ: สีดำ
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ: แมว (เลี้ยงแมวเปอร์เซีย 5 ตัว)
สัตว์เลี้ยงที่ไม่ชอบ: สุนัข
อาหารที่ชอบ: อาหารรสจัดทุกชนิด เช่น ผัดกระเพรา ต้มยำกุ้ง
เครื่องดื่มที่ชอบ: น้ำที่มีรสเปรี้ยวหวาน
เครื่องดื่มที่ไม่ชอบ: น้ำอัดลม