แซส พร้อมลุยตลาด ดิจิตอลทีวี บอก สามารถเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการถึง 18% ต่อปี

SAS photo for media(กรุงเทพฯ มิถุนายน 2557) : นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย นายวิโชติ วงศ์วิทย์วิโชติ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษในหัวข้อ “ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่กับธุรกิจดิจิตอลทีวีในประเทศไทย” ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในต้นเดือนมิถุนายนนี้

นายทวีศักดิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ฟรีทีวีของไทยมีแค่ 6 ช่องเท่านั้น การโฆษณาจะใช้งบค่อนข้างสูง แต่เมื่อเริ่มมีดิจิตอลทีวีเพิ่มขึ้นอีก 24 ช่อง ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่งขัน มีคอนเทนต์ดีๆซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากขึ้น และถึงแม้ว่าฟรีทีวีจะยังเป็นตัวหลักที่ผู้ชมให้ความสำคัญ แต่แนวโน้มค่าโฆษณาก็จะมีอัตราที่ต่ำลงเนื่องจากมีผู้เข้าแข่งขันมากขึ้น

โซลูชั่นส์ของแซส จะช่วยให้ผู้ผลิตเข้าใจผู้ชมมากขึ้น โดยเราจะสนับสนุนด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้  การวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ชม ให้ผลประโยชน์ทางธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโปรแกรมรายการ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกำหนดรูปแบบรายการ การโฆษณา หรือกลยุทธ์ทางการตลาดต่างๆให้สอดคล้องกับความต้องการ และพฤติกรรมของผู้ชม ซึ่งข้อมูลที่ผู้ประกอบการได้รับก็จะเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยผู้ที่ใช้โซลูชั่นส์นี้จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกต่างๆในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

“เคยมีการวิจัยกันว่าหากผู้ประกอบการดิจิตอลทีวีต้องการมูลค่ารายได้ที่คุ้มทุนนั้นจะต้องใช้เวลาประมาณ 5-6 ปี แต่หากนำผลวิเคราะห์ที่ได้จากแซสไปช่วยพัฒนาคอนเทนต์ต่างๆของช่องให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคจะทำสามารถเพิ่มรายได้ได้ถึงปีละ 18% ซึ่งจะทำให้จุดคุ้มทุนใช้เวลาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1 ปี โดยใช้งบประมาณเริ่มต้นที่  5 ล้านบาท และสามารถเพิ่มขึ้นได้เมื่อมีกลุ่มคนดูเพิ่มมากขึ้น  ผมคิดว่าผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหม่จะต้องเร่งสร้างความได้เปรียบจากการเข้าถึงผู้ชมโดยไม่เสียเวลา ส่วนฟรีทีวีหรือผู้เล่นรายเก่าก็ต้องปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการมาถึงของทีวีดิจิตอลในไทย หรือ การแข่งขันกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม และจะส่งผลต่อธุรกิจโฆษณาอย่างแน่นอน”

ด้านนายวิโชติกล่าวว่า การทำทีวีดิจิตอลให้ประสบความสำเร็จนั้น ประกอบไปด้วย 3 ปัจจัยหลักคือ ต้องสามารถจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ได้, ต้องมีคอนเทนต์ที่ตรงใจผู้ชม และต้องสามารถนำข้อมูลที่มีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

“ผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องสามารถรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ได้ โดยต้องรู้ว่าคนดูคนไหนดูช่องอะไร เมื่อเวลาเท่าไร เพื่อให้วัดเรตติ้งที่ชัดเจนได้ เมื่อเรตติ้งเยอะก็สามารถตั้งค่าโฆษณาให้เหมาะสมได้ ถ้าผู้ประกอบการรายไหนที่สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และใช้ประโยชน์ได้ ก็สามารถเป็นผู้นำในตลาดทีวีดิจิตอลได้ ซึ่งพอเรารู้ข้อมูลที่แท้จริงของลูกค้าก็จะสามารถสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจลูกค้า เกิดความหลากหลายในแต่ละช่วงเวลา เพราะผู้ชมของเราที่ชมรายการต่างช่วงเวลาก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน ถ้ารู้ตรงนี้ผู้ประกอบการหรือแม้แต่เอเยนซี่โฆษณาก็สามารถตั้งราคา และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้อย่างเหมาะสม และลดค่าใช้จ่ายอื่นๆได้อีกมาก สิ่งเหล่านี้คือการนำข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้จริงเพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขันในเชิงธุรกิจ”

บริษัทผู้ผลิตสื่อต่างๆสามารถใช้ระบบการวิเคราะห์ของแซสเพื่อทราบถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในหลายมิติอาทิ เน็ตเวิร์ก, คอนเทนต์รายการ, การโฆษณา ฯลฯ การวิเคราะห์แบบจำลองนี้สามารถทำให้ผู้ชมชอบรายการใหม่ หรือโฆษณาใหม่เป็นส่วนมาก

นายทวีศักดิ์กล่าวด้วยว่าสำหรับในประเทศไทยซึ่งถือเป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านจากทีวีอนาล็อคไปเป็นดิจิตอลนั้น แซสตั้งเป้าลูกค้าเอาไว้ 3 รายสำหรับปีนี้จากจำนวนผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามแซสถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เพราะมีการให้บริการการวิเคราะห์ผู้ชมแบบนี้กว่าพันรายในอเมริกาและยุโรปในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา