เต้นรำเพื่อสุขภาพสมองที่ดีขึ้น

IMG_JPG23“หากคุณอยากบริหารสมองและฝึกความจำละก็ ลุกขึ้นมาเต้นรำกันเถอะ” คำแนะนำจาก  ดร. เทอรี่ กรอสแมน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์นานาชาติ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์แนชั่นแนล

“การเต้นรำ ไม่ว่าจะจังหวะอะไรสไตล์ไหน ทั้งวอลซ์ แทงโก้ รุมบ้า หรือซัลซ่า เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดใน   การออกกำลังกายสมองและเพิ่มความสามารถของสมอง เพราะต้องทำความเข้าใจกับท่าใหม่ ฟังเพลง ตัดสินใจ ตลอดจนจดจ่อกับจังหวะและท่าเต้น”  ดร. เทอรี่ กล่าว

การเรียนภาษาใหม่เพิ่มก็เป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการออกกำลังกายสมอง ดร. เทอรี่ ยังแนะนำให้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการทำงานหรือแม้แต่งานอดิเรก เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ออกกำลังกาย  เล่นเกมปริศนาอักษรไขว้  เล่นวิดีโอเกม  เล่นดนตรี รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ มากมาย

ใช้ หรือสูญเสีย

ทำไมสุขภาพสมองจึงสำคัญ  ดร. เทอรี่ กล่าวว่า “สมองมีความสำคัญเช่นเดียวกับหัวใจ สมองเปรียบเสมือนโรงไฟฟ้าของร่างกายที่มีเซลล์ประสาทหรือเซลล์สมองที่ใช้ในการคิดกว่าหนึ่งแสนล้านเซลล์ เซลล์เชื่อมต่อระบบประสาทกว่าหนึ่งล้านล้านเซลล์ ในขณะที่สมองมีสัดส่วนน้ำหนักเพียงแค่ร้อยละ 2 ของน้ำหนักร่างกาย แต่สมองมีความต้องการการไหลเวียนของเลือด ออกซิเจน และกลูโคส สูงถึงร้อยละ 20”

เช่นเดียวกับอวัยวะที่สำคัญอื่นๆ สมองก็ต้องการการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์และเซลล์เชื่อมต่อใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการจำและความคิดที่เฉียบแหลม การออกกำลังกายสมองตลอดช่วงชีวิตจะช่วยป้องกันการสูญเสียความจำ โรคอัลไซเมอร์ และโรคสมองเสื่อมชนิดต่างๆ ในเวลาต่อมาได้

ลดความเครียด

การลดความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการรักษาความจำ

เมื่ออายุมากขึ้น  คนส่วนใหญ่มักมีอาการหลงๆ ลืมๆ เช่น ลืมชื่อคน ลืมว่าเก็บกุญแจบ้านหรือกุญแจรถยนต์ไว้ที่ไหน  ดร. เทอรี่บอกว่า “คนส่วนใหญ่สูญเสียความทรงจำเพราะความเครียดมากกว่าโรคภัยหรือ      การเจ็บป่วย”

ดร. เทอรี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความเครียดเป็นตัวทำลายความจำอันดับหนึ่ง สิ่งสำคัญที่ต้องสังเกต คือ ความเครียดมีทั้งความเครียดที่ดีและไม่ดี ทุกคนควรรักษาความสมดุลของความเครียดทั้งสองส่วน”

การนอน และการทานอาหาร

กิจกรรมเพื่อลดความเครียดแบบง่ายๆ ได้แก่ การเล่นโยคะ การนวด การออกกำลังกาย การรำไท้เก็ก ฟังเพลง และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การนอนหลับสนิทในตอนกลางคืน

เมื่อคนเราอ่อนล้าหรือเหนื่อยมากๆ ร่างกายจะเกิดความเครียดและความดันเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น ดร. เทอรี่ กล่าวว่า “การฟังเพลงเบาๆ อาบน้ำอุ่นๆ เป็นวิธีเตรียมตัวสำหรับการนอนหลับที่ดี สิ่งที่ไม่แนะนำอย่างยิ่งก่อนเข้านอน คือ การมองที่หน้าจอสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เนื่องจากแสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากอุปกรณ์เหล่านี้จะรบกวนการนอนหลับ เพราะมนุษย์ไม่คุ้นเคยกับแสงสีนี้ในเวลากลางคืน”

สิ่งที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสุขภาพสมองได้ คือ อาหารที่มีคุณค่าและสมดุลทางโภชนาการ กล่าวคือ ควรรับประทานอาหารจำพวกปลา ผักและผลไม้สด หรือการดื่มไวน์  1 แก้วต่อวัน ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากธรรมชาติอย่างแปะก๊วย วิโนซีติน ก็สามารถช่วยบำรุงสมองได้เช่นกัน

ควรหลีกเลี่ยงผลไม้รสหวานจัดและอาหารทอด เนื่องจากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ หรือที่เรียกว่า “โรคเบาหวานของสมอง’ นั่นเอง

ดร. เทอรี่ กล่าวว่า “ในอนาคต การใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตที่แพร่หลาย จะเปลี่ยนวิธีการใช้สมองของเรา”

“เทคโนโลยีจะมีอิทธิพลต่อวิธีการใช้สมองของเรา และอาจช่วยให้เราสามารถประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น การวิจัยและพัฒนาสมองอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต จะทำให้การรักษาสมองจากโรคภัยและความเจ็บป่วยเปลี่ยนแปลงไป”

ที่ไวทัลไลฟ์ เรามีบริการทดสอบเพื่อประเมินความสามารถทางปัญญาจากแบบประเมินกิจวัตรประจำวัน (ADL)

“หากญาติ คู่รัก เพื่อน หรือคนที่คุณรัก ไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันอย่างการขับรถ แต่งตัว ทำอาหาร หรือกิจวัตรประจำวันอื่นๆ ได้ ควรทำแบบประเมินกิจวัตรประจำวันเพื่อดูว่าต้องรับการรักษาหรือไม่” ดร.เทอรี่ กล่าว

สุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดคุณภาพชีวิตที่ดี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพสมองและการทดสอบ ติดต่อศูนย์สุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โทร 02-667-2340