เรื่องย่อ “ข้าบดินทร์”

บทประพันธ์ วรรณวรรธน์

5D3_6263

ข้าเป็นข้าบดินทร์ พ่อข้าเป็นพระยาถือน้ำพระพัทสัจจา

พ่อข้าสอนว่า “ถึงเจ้าจะเกิดเป็นเศษเสี้ยวธุลีของแผ่นดิน

เจ้าจงรู้ว่า แผ่นดินให้อะไรกับเจ้า และตัวเจ้าเองมีความหมายต่อแผ่นดินเพียงใด

จงทำตัวเป็นเศษธุลีดินที่มีค่าของผืนแผ่นดิน

เป็นข้าแห่งบดินทร์ อันร้อยรวมศรัทธา ความกล้าหาญ ความรัก ความภักดี

ไว้ในดวงใจเดียวกัน”

บทประพันธ์       : วรรณวรรธน์

กำกับการแสดง    :  อรรถพร  ธีมากร

บทโทรทัศน์       :  เอกลิขิต

ผลิตโดย              : บริษัท ที.วี.ซีน จำกัด

5D3_6730 ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ เหม เป็นบุตรชายคนเดียวของ พระยาบริรักษ์ ผู้มีหน้าที่คอยดูแลจัดเก็บค่าระวางจากเรือที่ขนสินค้าที่เข้ามาในประเทศสยามโดยวัดจากความกว้างของปากเรือ ส่วนมารดาคือ คุณหญิงชม เหมมีความสนใจใคร่รู้ในเรื่องของชาววิลาศ (อังกฤษ) อย่างมาก เพราะในเมืองปากน้ำมีพวกฝรั่งวิลาศมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นเมืองท่าสำคัญ ในขณะที่ชาวบ้านทั่วไปต่างพากันหวาดกลัวพวกวิลาศ เพราะเห็นว่ารูปร่างหน้าตาสีผมสีผิวแตกต่างจากคนทั่วไป ในการแข่งว่าวชิงเงินเดิมพันที่เมืองปากน้ำ สมิงสอดน้อย นำว่าวกุลา (จุฬา) เหมกับพวกนำว่าวปักเป้าของตัวเองมาท้าประลองวางเดิมพันกับสมิงสอดน้อย สมิงสอดน้อยชะล่าใจ แต่ผลการแข่งขันกลับออกมาว่าเหมเป็นฝ่ายที่สามารถตัดสายป่านว่าวของสมิงสอดน้อยได้สำเร็จ สมิงสอดน้อยจึงทั้งเสียหน้าและเสียเงินพนันให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างเหมจนได้ เหมไปเรียนวิชาทำสายป่านว่าวให้คมมาจาก ลุงรี แขกที่มารับใช้ แหม่มมาเรีย ฝรั่งชาววิลาศในเมืองปากน้ำ เหมกับแหม่มมาเรียสนิทสนมกันจนเหมได้เรียนรู้ภาษาวิลาศจากแหม่มมาเรียไปด้วย

พระยาบริรักษ์ปรึกษากับคุณหญิงชมเรื่องที่ได้ยินข่าวลือว่าเหมไปทำตัวสนิทสนมกับพวกวิลาศ คุณหญิงชมแนะให้พระยาบริรักษ์นำตัวเหมไปฝากเรียนวิชากับพระครูโพ เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ เพื่อจะได้รับราชการต่อไปภายหน้า อีกทั้งก็ยังสามารถแยกเหมออกมาจากพวกวิลาศได้ด้วย

5D3_5549 เมื่อไปถึงที่วัด ท่านพระครูโพตรวจดวงชะตาของเหมแล้ว ก็รู้ว่าชีวิตของเหมจะต้องผ่านบททดสอบอย่างหนัก ถามเหมว่าอยากเรียนวิชาการต่อสู้หรือไม่ แต่พระยาบริรักษ์ต้องการให้เหมเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

หลวงสรอรรถ เข้ามาเจรจากับพระยาบริรักษ์เพื่อขอให้ลดค่าระวางปากเรือให้กับเรือของกะปิตันฝรั่ง แต่พระยาบริรักษ์ไม่ยอม หลวงสรอรรถไม่พอใจที่พระยาบริรักษ์ไม่ยอมช่วยเหลือ หลวงสรอรรถบังเอิญได้พบ ทับทิม บัว และ ลำดวน หลวงสรอรรถนึกชอบใจในความงามของบัวซึ่งกำลังจะได้แสดงเป็นนางสีดา ที่ตำหนักอัมพวาแทนทับทิมที่กำลังจะแต่งงานกับหมื่นพิพิธภูบาล จึงคิดจะเข้าทางเจ้าพระยาพระคลังโดยผ่านทางบัวปิ่น มารดาของสามสาว กับทับทิมสงสัยว่าหลวงสรอรรถจะมาชอบพอบัว แต่ก็เห็นว่าไม่เหมาะสม เพราะหลวงสรอรรถนั้นมีภรรยาหลวงอยู่ก่อนแล้ว

เหมถูกจับได้ว่ามาแอบดู พุ่ม และสมิงสอดน้อยซ้อมดาบแต่สมิงสอดน้อยยังแค้นเรื่องเก่าอยู่ ไม่ยอมปล่อยไปเปล่าๆ จึงท้าให้เหมมาสู้กัน ถ้าเหมแพ้ จะต้องถูกตัดลิ้น เหมฮึดสู้กับสมิงสอดน้อยจนชนะ สมิงสอดน้อยพ่ายไปในที่สุด สมิงสอดน้อยยอมปล่อยเหมไป ขรัวปู่ยม ล่อยเหมไป แต่สมิงสอดน้อยยังแค้นเรื่องก่อนอยู่ จึงไม่ยอม ขรัวปู่ยมเหมรวมอยู่ด้วย เหมถูกจับได้ว่ามาแอบดู บสาวผู้ฝึกสอน เห็นดังนั้นจึงชวนเหมให้มาเรียนการต่อสู้ด้วยดาบอาทมาต

แหม่มมาเรียนั้นป่วยเป็นโรคฝีในท้อง จึงต้องใช้ฝิ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด ทว่าพระยาบริรักษ์ บิดาของเหมนั้นตั้งข้อรังเกียจสินค้าชนิดนี้ ดังนั้น ไมเคิล เจเมสัน สามีของแหม่มมาเรีย จึงต้องแอบนำฝิ่นเข้ามาอย่างยากลำบาก แต่ถึงกระนั้นแหม่มมาเรียก็ยังเอ็นดูเหม และสอนภาษาวิลาศให้กับเหมด้วยความเต็มใจ

5D3_5949ขากลับเหมกับบุษย์ได้พบกับลำดวนที่แอบปีนต้นไม้ขึ้นไปดูเหมเข้าไปในบ้านของพวกวิลาศแล้วลงมาไม่ได้ เหมกับบุษย์จึงช่วยกันพาตัวลำดวนลงมา บัวเห็นหน้าเหมเข้าก็ประทับใจในความรูปงามของเหมทันที

เหมกับบุษย์ได้พบกับ คุณชายช่วง บุตรชายคนโตของพระยาพระคลัง คุณชายช่วงมีความสนใจในภาษาวิลาศเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าเหมรู้ภาษาวิลาศจึงให้ความสนใจอย่างมาก ลำดวนมาเจอกับเหม เหมพูดคุยเล่นหัวกับลำดวนอย่างสนิทสนม เหมกับพระยาบริรักษ์เกือบมีเรื่องกับหลวงสรอรรถ แต่โชคดีที่ได้คุณชายช่วงมาช่วยไว้ทันเวลา หลวงสรอรรถได้แต่แค้นใจที่ทั้งพระยาบริรักษ์และเหมดูจะเป็นศัตรูกับเขาไปทั้งสองคน ด้านคุณปิ่นเห็นหน้าเหมแล้วนึกชอบใจ จึงคิดจะจับคู่ให้เหมกับบัว

ขณะที่วิชาดาบกับขรัวปู่ยมก็ก้าวหน้ามากขึ้น สมิงสอดน้อยเริ่มยอมรับในตัวเด็กหนุ่มถึงกับอาสามาเป็นคู่ซ้อมให้ สมิงสอดน้อยกำลังจะไปทัพเพราะได้ยินข่าวว่าทางกรุงศรีสัตนาคนหุตกำลังเรียกระดมพล จึงต้องขึ้นไปสอดแนมที่โคราช  เหมถูกเรียกตัวมาพบคุณชายช่วง เหมเอาขนมมาฝากลำดวน พวกบ่าวไพร่ก็เอาไปลือกันว่าเหมจะใช้ลำดวนเป็นสะพานเข้าจีบบัว ลำดวนรบเร้าให้บัวฝากใบพลูไปให้เหมเพราะอยากมีพี่ชาย พระยาบริรักษ์ออกไปรับเรือกำปั่นขนสินค้าของคุณไมเคิล เจเมสัน สินค้าที่บรรทุกมาในระวางนั้นมีตุ๊กตากระเบื้องที่แอบซุกซ่อนฝิ่นเพื่อใช้บรรเทาอาการป่วยของแหม่มมาเรียอยู่ด้วย แต่หลวงสรอรรถหวังจะฮุบฝิ่นไว้เป็นของตัวเอง แล้วโทษว่าเป็นคำสั่งของพระยาบริรักษ์ มิสเตอร์เจเมสันก็เข้าใจผิดว่าพระยาบริรักษ์จะฮุบของไว้ ทั้งคู่จึงก่อเรื่องวิวาทกันขึ้นมาอีก

5D3_6897พระพิชัยปราการคนสนิทของเจ้าพระยาพระคลัง มาตามตัวพระยาบริรักษ์ไปพบกับพระยาสมุหกลาโหมด้วยราชการด่วน ทว่าระหว่างทางไปที่เรือนของพระยาพระคลัง มีผู้พบศพของมิสเตอร์เจเมสันถูกฆ่าตัดหัวหลังจากมีเรื่องวิวาทกับพระยาบริรักษ์เพราะรู้ว่าตนเองกำลังถูกเพ่งเล็งว่าเป็นคนฆ่า ทหารของพระยาสมุหกลาโหมบุกเข้ามาจับตัวพระยาบริรักษ์กับคุณหญิงชมไว้ได้ เหมที่กระโดดน้ำหนีไปได้แล้ว กลับหวนมาช่วยคุณหญิงชม

พระยาบริรักษ์ คุณหญิงชมและเหม ถูกนำตัวไปขังไว้ในสถานที่คุมขังนักโทษ พระยาปลัดสมุทรปราการมาขอร้องให้พระยาบริรักษ์เห็นแก่ชาติบ้านเมืองและส่วนรวมด้วยการยอมรับสารภาพความผิด พระยาบริรักษ์จึงยอมสารภาพ แต่ความจริงแล้วคนที่ฆ่ามิสเตอร์เจเมสันคือหลวงสรอรรถ

การจับคู่ของเหมกับบัวจึงเป็นอันต้องตกไป ลำดวนเมื่อรู้ข่าวของเหม ก็ได้แต่นอนร้องไห้สงสารเหม     คุณปิ่นพาบัวและลำดวนมาเดินตลาด กลุ่มนักโทษมีคุณหญิงชมและเหมรวมอยู่ด้วย คุณหญิงชมเป็นลมตรงหน้าขบวนของคุณปิ่นพอดี ลำดวนสงสารเหมกับแม่จับใจ รีบคว้าแตงกวาไปป้อนให้คุณหญิงชมได้กินพอหายร้อน       พระยาบริรักษ์ถูกตัดสินให้ทวนหวายพระยาบริรักษ์ ๕๐ ที ริบราชบาตร แล้วเอาตัวพร้อมกับลูกเมียไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง พระยาบริรักษ์ทนการถูกลงทัณฑ์ไม่ไหว เสียชีวิตหลังจากตกเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง

5D3_6203๙ ปีผ่านไป พระยาบดินทรเดชาได้เกณฑ์ไพร่พลขึ้นไปยังเมืองพัตบองเพื่อตระเตรียมรับมือกับญวน ในการนี้คณะปี่พาทย์ละครของขุนนาฏยโกศลถูกเกณฑ์ตามไปแสดงให้ขุนนางผู้ใหญ่ดูด้วย หมื่นวิชิตชลหาญ ที่มักจะนำสุรามามอบให้ท่านขุนบ่อยๆ แต่ที่จริงแล้วหมื่นวิชิตฯ นั้นหวังจะมาพบหน้าลำดวน ในขณะที่บัวยอมถวายตัวเป็นนางในชีวิตของบัวในวังนั้นไม่ได้มีความสุขสบายเหมือนที่หวังไว้ เพราะเสด็จในกรมไม่ทรงโปรดนางละคร

หมื่นวิชิตฯ ก็หาทางเข้าใกล้ลำดวน แต่ลำดวนก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะไม่นึกชอบหมื่นวิชิตฯ ขุนศรีไชยทิตย มาโพนช้างอยู่ละแวกเมืองโคราช จึงสั่งให้นายส่งกับนายมาไปขอความช่วยเหลือ นายส่งกับนายมา ควาญช้างทั้งคู่อิดออดไม่อยากไป แต่ก็ขัดไม่ได้ ลำดวนกับ หุ่น เพื่อนสนิท บังเอิญได้พบกับพวกที่มาโพนช้าง หนึ่งในนั้นก็มีเหมซึ่งมีหน้าที่เป็น “เสดียง” อยู่ด้วย แต่ลำดวนจำเหมไม่ได้ ลำดวนกับหุ่นได้นั่งช้างตัวที่เหมเป็นคนคุมอยู่ เหมคอยดูแลและกันท่าหมื่นวิชิตฯ ให้ลำดวน ทว่าเหมกลับไม่กล้าบอกความจริงกับลำดวนว่าตนเองคือใคร     บางครั้งเหมก็เผลอพูดจาเกี้ยวพาราสีลำดวนจนต้องไปต่อกรรมกับขุนศรีไชยทิตยอยู่บ่อยๆ ลำดวนเองจากที่เคยหวาดกลัวเสดียงหน้าดุ ก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยกับเหมอย่างประหลาด คุณปิ่นก็คุ้นหน้าเสดียงหนุ่ม ลำดวนก็มั่นใจว่าเขากับเธอต้องเคยรู้จักกันมาก่อนอย่างหมื่นวิชิตตั้งใจจะเข้าไปลวนลาม เหมเห็นเข้าพอดี จึงลอบทำร้ายหมื่นวิชิตฯ

5D3_6398       เจ้าสังข์ ช้างเชือกที่ขุนศรีไชยทิตยกำลังตามจับตัวอยู่ การโพนช้างครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ  ลำดวนลองเรียกเสดียงหนุ่มว่าเหม เหมชะงักแล้วรีบเดินหนีไป แต่ตกดึกคืนนั้นเหมก็แอบเอาพวงมาลัยดอกลำดวนมาแขวนไว้ให้ที่เพิงพัก ก่อนจะวางแผนพาแม่โต ช้างพังคู่ใจไปเป็นนกต่อจับตัวเจ้าสังข์มาจนสำเร็จ

เรื่องลำดวนไม่มีความคืบหน้า    หมื่นวิชิตฯปรึกษากับพรรคพวกเพื่อหาวิธีที่จะได้ลำดวนมาเป็นเมีย หมื่นวิชิตฯ จึงจ้างวานส่งและมาไปลวนลามลำดวนเหมจับได้ ควาญทั้งสองซัดทอดว่าหมื่นวิชิตฯ เป็นคนสั่งให้ทำ หมื่นวิชิตฯ ไม่ยอมรับ ขุนนาฏยโกศลเรียกเหมเข้าไปขอบคุณที่ช่วยเหลือลำดวนไว้ ก่อนจะจำได้ว่าเหมคือลูกชายของพระยาบริรักษ์  เมื่อคุณปิ่นเตือนเหมได้รู้ว่าในตอนนี้ฐานะของลำดวนกับเหมต่างกันมาก

ลำดวนกับเหมก็ต้องแยกย้าย เหมบังเอิญได้พบกับสมิงสอดน้อยเหมที่มึนด้วยฤทธิ์สุรา ก็บุกไปหาลำดวน เหมตั้งใจว่าจะต้องลบล้างมลทินให้จงได้

พระศรีสิทธิสงครามเร่งจัดให้มีการประลองขึ้นหานายทหารมีฝีมือดี หมื่นวิชิตฯประลองด้วยจึงไปนัดแนะกับครูดาบที่ตัวเองต้องประลองด้วย หมื่นวิชิตฯ เห็นเหมเข้ามาชมการประลองด้วย ก็นึกหมั่นไส้ จึงแกล้งเสนอชื่อเหมให้เข้าไปประลองเหมใช้วิชาดาบอาทมาตที่เรียนมาจากขรัวปู่ยมประลองกับพระศรีสิทธิสงครามจนได้รับชัยชนะ เหมเข้าเป็นทหารในกองทัพทันที

5D3_6659        เมื่อกองทัพยกมาถึงเมืองโปริสารท เหมก็ได้พบกับบุษย์ ซึ่งตอนนี้ได้ไปเป็นไพร่ในสังกัดของเจ้าพระยาพระคลัง ทัพของเจ้าพระยาพระคลังมาสมทบกับทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชาเพื่อเตรียมตัวตีเมืองไซ่ง่อน

แต่ก่อนหน้านั้น ทัพของทั้งสองพระยาได้ร่วมมือกันตีค่ายญวนที่ปากคลองวามะนาว เหมเป็นผู้ออกอุบายเข้าตีจนค่ายของข้าศึกแตกพ่ายเป็นผลสำเร็จ ทำให้ได้รับความดีความชอบเป็นอันมาก พระยาบดินทรเดชาจึงทำหนังสือขอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ปลดเหมกับคุณหญิงชมออกจากการเป็นตะพุ่นหญ้าช้างให้

การรบครั้งต่อมาที่เมืองโจฎก ทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชาล้อมเมืองโจฎกไว้แล้ว พระยาปลัดสมุทรปราการเคลื่อนขบวนมาอย่างเชื่องช้าจึงทำให้ราชการศึกเสียหายเป็นอันมาก เหมเป็นผู้ออกความคิดพิชิตค่ายเข้าตีเมืองโจฎกได้อีกครั้ง

พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสิ้นพระชนม์     เหมจึงต้องเดินทางกลับพระนครกับกองทัพเพื่อมาร่วมงานพระเมรุ เหมที่ตอนนี้ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหมื่นสุรบดินทร์ ในขณะที่คุณชายช่วงตอนนี้มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสิทธิ์นายเวรแล้ว คุณชายช่วงดีใจมากที่เหมสามารถลบล้างมลทินให้ตัวเองได้ คุณหญิงชมดีใจมากที่เหมประกอบคุณงามความดีจนได้ปลดตะพุ่น เหมเกริ่นกับคุณหญิงชมว่าอยากจะให้ไปสู่ขอลำดวนกับขุนนาฏยโกศล

5D3_7117       คุณชายช่วงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นจมื่นไวยวรนาถ และได้ขอตัวเหมมาช่วยทำงานด้วย เหมได้กลับไปเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้งกับครูปีเตอร์  มิชชันนารีที่เดินทางมากับคณะนายแพทย์ของ แดน บีช แบรดลีย์ (หมอบรัดเลย์) แต่เหมไม่ไว้ใจพวกวิลาศอีกแล้วเนื่องจากประสบการณ์ที่เคยได้รับมา เหมได้พบกับลำดวนและบัวในช่วงที่มีงานพระเมรุในพระนคร เมื่อบัวได้พบเหม ความรู้สึกเก่าๆ ก็เริ่มหวนกลับมาอีกครั้ง บัวรู้สึกอิจฉาลำดวนที่ได้หัวใจของเหมไป

หมื่นวิชิตฯมาขอความช่วยเหลือจากบัวเรื่องลำดวน หมื่นวิชิตฯ รู้ว่าบัวเคยมีใจให้เหมจึงยุยงให้บัวทำเสน่ห์ใส่เหมเพื่อแย่งเหมมาจากลำดวน บัวถูกหว่านล้อมจนยอมทำตาม บัวไปขอให้พุ่มทำเสน่ห์ใส่ลำดวนกับตัวเหม ทุกคนจึงร่วมมือกันวางแผนจับหมื่นวิชิตฯ กับบัวให้ได้คาหนังคาเขาขณะทำพิธี หมื่นวิชิตโกรธแค้นที่ถูกหลอกจึงฆ่าพุ่มตาย เหมยืนยันว่าเขาไม่เคยมีเยื่อใยกับบัว บัวรู้สึกอับอาย

บัวอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในชาตินี้ ด้านคุณหญิงชมก็เดินทางไปสู่ขอแม่ลำดวนกับท่านขุนนาฏยโกศลกับคุณปิ่น จึงยอมยกลำดวนให้เหมแต่โดยดี  ทางสยามปฏิเสธการซื้อเรือกลไฟเพราะมีสภาพเก่า ทำให้นายห้างหันแตรโกรธมาก นายห้างหันแตรพยายามหาเรื่องทางฝั่งสยาม เหมจึงวางแผนให้จับตัวนายห้างหันแตรและกะปิตันบราวน์ไปขังไว้ นายห้างหันแตรและกะปิตันบราวน์โกรธมากถึงขึ้นอาฆาตเหมไว้ว่าจะต้องกลับมาจัดการกับเหมให้ได้ พระยาปากน้ำมาแจ้งกับคุณชายช่วงและเหมว่า จับตัวคนรับใช้ชาวอินเดียของมิสเตอร์เจเมสันนั้นสารภาพว่ามิสเตอร์เจเมสันถูกหลวงสรอรรถฆ่าตาย เพราะหลวงสรอรรถต้องการยักยอกฝิ่นที่มิสเตอร์เจเมสันลักลอบนำเข้ามาไปเป็นของตัวเอง ด้วยเหตุนี้มลทินของพระยาบริรักษ์จึงได้รับการชำระสะสาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานบำเหน็จให้

5D3_8738เหมเป็น “หลวงสุรบดินทร์” ส่วนหลวงสรอรรถที่ตอนนี้ได้ข่าวว่าไปเข้าร่วมกับจีนตั้วเหี่ยทำการค้าฝิ่นเป็นปฏิปักษ์กับทางราชการนั้น

เหมก็ได้แต่งงานกับลำดวนสมที่ตั้งใจไว้   เหมกับ หมื่นไวยวรนาถ (คุณชายช่วง) ก็ถูกเกณฑ์ไปปราบปรามพวกจีนตั้วเหี่ยและก๊กต่างๆ ทั้งคู่จึงวางแผนล้อมจับจีนตั้วเหี่ยและหลวงสรอรรถมาด้วย

ด้านลำดวนตั้งครรภ์และคลอดลูกออกมาเป็นหญิง เหมจึงตั้งชื่อว่า “มาลัย” เพื่อเป็นตัวแทนความผูกพันของเขาที่มีต่อลำดวน หลังจากนั้นไม่นานนัก เซอร์ เจมส์ บรู๊ค ทูตคนใหม่จากประเทศเกาะบริเตนใหญ่ ยืนเงื่อนไขให้คนภายใต้บังคับของอังกฤษสามารถทำการค้าได้อย่างเสรี ซึ่งเหมไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขข้อนี้นได้ไม่กี่วัน เหมก็ถูกเกณฑ์ไปปราบปรามพวกจีนตั้วเหี่ย เหล่าเสนาบดีผู้ใหญ่พิจารณาสนธิสัญญาของทูตานุทูตอังกฤษแล้ว เห็นว่าไม่เป็นธรรมกับทางสยาม จึงไม่เห็นสมควรทำตามข้อตกลง

ทางอังกฤษนำเรือรบมาปิดปากอ่าว พร้อมกับยื่นข้อเสนอให้ส่งตัวเหมไปดำเนินคดีที่เรือรบอังกฤษในคดีที่เคยลวงนายห้างหันแตรไปคุมขังไว้ เหมจึงคิดจะเสียสละตัวเองเพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอดเหมือนเช่นที่พระยาบริรักษ์ผู้เป็นบิดาเคยทำ เหมดึงดันที่จะทำตามความตั้งใจเดิมคือไปรับการตัดสินคดีบนเรือรบของอังกฤษ     กะปิตัน บราวน์ ที่เคยถูกเหมจับขังไว้คราวก่อน เฝ้ารอที่จะได้แก้แค้นเหมให้สาแก่ใจ ทว่าเมื่อเรือที่นำตัวเหมไปยังเรือรบอังกฤษลอยลำอยู่กลางแม่น้ำ เหมก็ตัดสินใจกระโดดลงน้ำทั้งๆ ที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กทั้งตัว        กะปิตัน บราวน์ สั่งให้คนค้นหาร่างของเหมให้เจอ คุณหญิงชม ลำดวน คุณปิ่นและท่านขุน5D3_8601นาฏยโกศลต่างเสียใจที่เหมต้องมาพบจุดจบ ในที่สุดทางอังกฤษก็งมหาศพของเหมจนเจอในสภาพใบหน้าเละเทะเพราะถูกปลาทะเลกัดกินพระยาปากน้ำก็สังเกตเห็นว่าใต้ท้องแขนของศพนั้น ไม่มีรอยสักที่เป็นเครื่องหมายของการโดนโทษตะพุ่นหญ้าช้าง หลวงกำแหงรีบกลบเกลื่อนด้วยการบอกว่าคงเป็นเพราะแช่น้ำทะเลนานเกินไปนั่นเอง

ที่จริงแล้วเหมสามารถปลดโซ่เหล็กได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเคยเป็น “เสดียง” มาก่อน ใต้น้ำนั้นก็มี หลวงเผด็จทินกร คอยช่วยอยู่ หลังจากนั้นก็พากันไปซ่อนตัวอยู่ในป่าก่อน ส่วนศพที่พบในทะเลนั้น ก็คือศพของหมื่นวิชิตฯ นั่นเอง เหมกลับมาอยู่กับลำดวนอีกครั้ง โดยที่รู้ตัวดีว่าคงไม่อาจกลับเข้ารับราชการได้อีกแล้ว แต่ลำดวนก็ไม่สนใจ ขอแค่ได้มีเหมอยู่เคียงข้างกัน       หลายปีผ่านไป เหมทำงานเป็นควาญช้างอยู่ในเพนียดที่กรุงเก่า คุณชายช่วงซึ่งได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ได้เดินทางมาหาเหมเพื่อขอให้เหมร่วมเดินทางไปกับคณะทูตที่จะไปถวายเครื่องราชบรรณาการแด่พระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษ แต่เหมต้องปกปิดตัวตนและไปในฐานะหมอนวด ลำดวนจึงสนับสนุนให้เหมเดินทางไปกับคณะทูต เหมจึงตัดสินใจออกเดินทางมุ่งสู่ประเทศอังกฤษเพื่อปฏิบัติภารกิจเพื่อประเทศชาติ แม้จะไร้ชื่อ ไร้เกียรติยศชื่อเสียงใดๆ แต่ชายหนุ่มก็ยินดีและเต็มใจทำในฐานะ “ข้าแห่งบดินทร์”

-จบบริบูรณ์-

5D3_6352

ตัวละครเรื่องข้าบดินทร์

๑.เหม  รับบทโดย เจมส์ มาร์ บุตรชายของพระยาบริรักษ์กับคุณหญิงชม ตอนเด็กๆ เหมแอบไปเรียนภาษาอังกฤษกับพวกวิลาศ แม้จะถูกสั่งห้ามจากพระยาบริรักษ์ก็ตาม แต่หลังจากที่ถูกมรสุมชีวิตซัดกระหน่ำจนทุกคนในครอบครัวต้องตกไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้างแล้ว เหมก็มองพวกวิลาศด้วยสายตาหวาดระแวง ภายหลังเหมจับพลัดจับผลู จากควาญช้างกลายเป็นทหาร และได้สร้างความดีความชอบตามที่บิดาสั่งสอนไว้ จนได้ปลดโทษ พาให้ตัวเองกับแม่พ้นจากการเป็นตะพุ่นในที่สุด

 ๒.ลำดวน   รับบทโดย ภีรนีย์  คงไทย บุตรีคนเล็กของขุนนาฏยโกศลกับคุณปิ่น        เป็นหลานสาวของพระยาพระคลัง มีนิสัยโอบอ้อมอารีกับทุกคน กล้าคิดกล้าทำ ขี้อ้อน ลำดวนได้ชื่อว่าเป็นนางรำที่เป็นตัวนางสีดาได้งดงามมาก หรือจะสวมบทนางจินตะหราวาตีก็อ่อนช้อยไม่แพ้กัน ลำดวนฝังจิตฝังใจกับพี่เหมรูปทอง พี่ชายที่แสนดีของเธอตั้งแต่ครั้งยังเด็ก

๓.บัว   รับบทโดย มณีรัตน์ ศรีจรูญ บุตรีคนกลางของขุนนาฏยโกศลกับคุณปิ่น เป็นพี่สาวของลำดวน มีนิสัยเงียบๆ ไม่กล้าขัดใจคนอื่น เพราะกลัวไม่มีคนรัก ลึกๆ ในใจของบัวนั้นแอบอิจฉาลำดวนไม่น้อย เพราะใครต่อใครก็ดูจะรักและเอ็นดูบัวไปเสียหมด บัวแอบรักเหมอยู่ แต่เมื่อเหมต้องโทษตามบิดา และตกไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง บัวก็ตัดใจ ยอมเข้าไปถวายตัวกับเสด็จในกรม เพราะหวังจะมีชีวิตที่ดีกว่า แต่พอไม่เป็นไปตามที่หวัง ก็ได้แต่โทษคนอื่น

๔.หมื่นวิชิตชลหาญ  รับบทโดย โชคชัย บุญวรเมธี หลานชายของพระยานครนายก มีนิสัยอวดเบ่ง ชอบโอ้อวดว่าเป็นลูกท่านหลานเธอ ชอบเอาชนะ หมื่นวิชิตฯ หลงรักลำดวน แต่ลำดวนไม่เล่นด้วย ก็พยายามทุกวิธีเพื่อเอาชนะใจสาว แม้จะต้องใช้วิธีสกปรกอย่างการทำเสน่ห์ก็ตาม หมื่นวิชิตเกลียดชังเหมมาก เพราะเหมมาแย่งลำดวนที่เขาหมายปองไป จึงหาทางกลั่นแกล้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ

๕.พระยาบริรักษ์ (เริก)   รับบทโดย จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ บิดาของเหม มีนิสัยใจร้อน เถรตรง ยอมหักไม่ยอมงอ รักชาติเป็นที่สุด เสียสละทุกอย่างได้เพื่อชาติแม้แต่ชีวิตของตนเอง พระยาบริรักษ์ไม่ชอบพวกวิลาศเพราะรู้ดีว่าพวกนั้นไม่ได้เข้ามาในประเทศสยามฉันมิตร แต่จ้องจะมาแสวงหาผลประโยชน์เท่านั้น

 ๖.คุณหญิงชม   รับบทโดย จินตหรา สุขพัฒน์ มารดาของเหม เป็นภรรยาแบบช้างเท้าหลัง รักลูกรักสามีมาก แม้จะตกระกำลำบากก็ยังไม่ยอมทิ้งกัน

๗.ขุนนาฏยโกศล     รับบทโดย ดิลก ทองวัฒนา บิดาของลำดวน มีบุตรสาวสามคนคือ ทับทิม บัว และ ลำดวน เป็นหัวหน้าสำนักฟ้อนรำที่ตำหนักอัมพวา ท่านขุนชอบดื่มเหล้าจนหาเรื่องเจ็บตัว แต่เวลามีสติดีๆ ก็รักลูกเมียมาก เป็นพ่อที่ดี ไม่ได้บังคับลูกให้แต่งงานกับใคร แต่จะให้ลูกตัดสินใจเอาเอง

 ๘.คุณปิ่น   รับบทโดย สาวิตรี สามิภักดิ์ มารดาของลำดวน เป็นหลานของพระยาพระคลัง นิสัยจู้จี้จุกจิก ขี้บ่น แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเจตนาร้ายแต่อย่างใด เมื่อรู้ว่าลำดวนชอบพอกับเหมที่เป็นยังต้องโทษเป็นตะพุ่นหญ้า ก็พยายามขัดขวางเพราะกลัวว่าลูกสาวสุดที่รักจะไปตกระกำลำบาก

 ๙.หลวงสรอรรถ รับบทโดย อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล เคยเป็นมหาดเล็กรับใช้ในวังสมัยแผ่นดินกลาง เคยรุ่งเรื่องเฟื่องฟูมาก แต่เมื่อผลัดแผ่นดิน ก็หมดวาสนา จำต้องทูลลากลับมาอยู่ที่เมืองปากน้ำ แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมละทิ้งสันดานเดิม หาวิธีลัดค้าขายของผิดกฎหมายจำพวกฝิ่นโดยร่วมมือกับพวกวิลาศ

๑๐.สมิงสอดน้อย   รับบทโดย ดนัย จารุจินดา เพื่อนรุ่นพี่ของเหม เชื้อสายมอญ เป็นนายทหารในกองอาทมาต มีความสามารถด้านการสู้รบดาบสองมือ เห็นความสามารถด้านการต่อสู้ของเหม จึงช่วยผลักดันให้เหมประสบความสำเร็จในหน้าที่ราชการ จนสามารถปลดโทษตะพุ่นหญ้าช้างได้๑๑.หมื่นเผด็จทินกร เพื่อนรุ่นพี่ของเหมเป็นนายทหารในทัพของพระยาบดินทรเดชามีความสามารถพิเศษในการดำน้ำได้ทน จึงช่วยเหลือเหมให้พ้นจากการลงโทษของพวกวิลาศได้ในภายหลัง

 ๑๒.ขุนศรีไชยทิตย     รับบทโดย  สุเชาว์ พงศ์วิไล หมอควาญชรา คอยช่วยเหลือสั่งสอนเหมให้รู้จักวิธีและพิธีกรรมต่างๆ ในการคล้องช้างจนเหมเจนจัด

 ๑๓.คุณชายช่วง     รับบทโดย การิน ศตายุ บุตรชายคนโตของพระยาพระคลัง เป็นคนที่มีความสนใจในเรื่องของชาววิลาศ (ฝรั่ง) เมื่อเห็นว่าเหมสนใจภาษาวิลาศเ ก็คิดจะส่งเหมไปเรียนภาษาและวิทยาการของพวกวิลาศที่เมืองนอก แต่โชคร้ายที่ครอบครัวของเหมโดนโทษตะพุ่นหญ้าเสียก่อน แต่ถึงอย่างนั้น คุณชายช่วงก็ยังแอบช่วยเหลือเหมมาตลอด

 ๑๔.เจ้าพระยาพระคลัง     รับบทโดย วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ มีศักดิ์เป็นตาของลำดวน เป็นคนที่มีความยุติธรรม เชื่อมั่นในตัวพระยาบริรักษ์ว่าไม่ได้ทำผิด แต่เมื่อพระยาบริรักษ์ยอมสารภาพ ก็ไม่ได้ละทิ้ง ยังคงช่วยเหลือทั้งครอบครัวภายหลังต้องโทษตามสมควร

 ๑๕.บุษย์   รับบทโดย จักรพันธ์ จันโอ บ่าวรับใช้ของเหม อายุมากกว่าเหม แต่มีนิสัยเหมือนเด็กไม่ยอมโต บุษย์กลัวการถูกสักเลก เพราะนั่นหมายถึงต้องถูกนำตัวไปใช้แรงงาน หลังจากที่เหมและครอบครัวต้องโทษ บุษย์แม้จะกตัญญูกับครอบครัวเหมเพียงใด ก็ไม่อาจช่วยเหลือได้เพราะความที่ยังเด็ก อีกทั้งพ่อก็ยังป่วยอยู่

๑๖.ไมเคิล เจเมสัน     สามีของแหม่มมาเรีย เป็นต้นหนคนสำคัญของโรเบิร์ต ฮันเตอร์ มักจะมีเรื่องกับพระยาบริรักษ์เสมอ เพราะขัดแย้งกันเรื่องการคิดภาษีปากเรือ แต่กับเหมแล้วไมเคิลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไมเคิลเสียชีวิตเพราะขัดแย้งกับหลวงสรอรรถเรื่องฝิ่นที่ลักลอบนำเข้ามา แต่หลวงสรอรรถกลับโยนความผิดให้กับพระยาบริรักษ์๑๗.แหม่มมาเรีย   ครูสอนภาษาของชาววิลาศคนแรกของเหม เป็นสตรีชาวอังกฤษ ป่วยเป็นโรคฝีในท้อง จึงทำให้ต้องพึ่งพาฝิ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด แต่การนำเข้าฝิ่นนั้นมีปัญหามาก เพราะพระยาบริรักษ์ไม่เห็นชอบ

 ๑๘.โรเบิร์ต ฮันเตอร์     รับบทโดย KEN STREUTKER นายห้างชาวสก็อต หัวหน้าของไมเคิล เจเมสัน พูดภาษาไทยได้เล็กน้อย เป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์ คิดแต่เรื่องจะเอาเปรียบชาวสยาม แอบลักลอบนำฝิ่นเข้ามาขายในสยาม ซ้ำยังหลอกนำเรือกลไฟเก่าชำรุดมาขายให้ขุนนางสยาม พอทางสยามไม่รับซื้อ ก็หาเรื่องป่วนจนเหมต้องเล่นงานกลับไปบ้าง คนสยามเรียกชื่อเพี้ยนเป็น “นายหันแตร”

 ๑๙.หุ่น  รับบทโดย เพ็ญศรี ปิ่นทอง เพื่อนสนิทของลำดวนในคณะละคร ได้รับบทเป็นหนุมานเวลาแสดงคู่กับลำดวนที่รับบทเป็นนางสีดา

 ๒๐.พระยาปลัดสมุทรปราการ   รับบทโดย สันติสุข พรหมศิริเพื่อนสนิทของพระยาบริรักษ์ตั้งแต่สมัยเด็กๆ มีนิสัยเห็นแก่ตัว เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง แต่ไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากหลวงสร-อรรถ หลวงสรอรรถจึงใช้ความลับข้อนี้ของบีบบังคับพระยาสมุทรปราการให้ขายเพื่อนเพื่อเอาตัวรอด

 ๒๑.นพ.แดน บีช แบรดลีย์   นายแพทย์ชาวอเมริกัน ใจดี มีเมตตา รักษาคนไข้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังจนทำให้เหมเห็นพวกวิลาศก็ไม่ได้เลวไปเสียทั้งหมด สนใจเรื่องวิทยาการใหม่ๆ เป็นผู้นำแท่นพิมพ์ภาษาไทยเข้ามาในสยามเป็นครั้งแรก คนสยามมักจะเรียกชื่อนายแพทย์ผู้นี้เป็น “หมอบรัดเลย์”