TTA กังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวกระทบธุรกิจครึ่งปีหลัง ปรับแผนลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง-เน้นสร้างฐานการเงินแกร่ง

K.Chalermchaiผู้บริหาร TTA ยอมรับกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัวอาจส่งผลกระทบระยะสั้นต่อธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เผยเฝ้าจับตาและประเมินการแก้ปัญหาของทางการจีนอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนเพิ่มความระมัดระวังในการตัดสินใจขยายการลงทุนรอบใหม่-เดินหน้าบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ย้ำเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจต้องเน้นสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อรับมือกับความผันผวน มั่นใจฐานเงินทุน TTA แน่นปึ้กหลังผู้ถือหุ้นไว้วางใจเพิ่มทุนในช่วงก่อนหน้านี้  

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องยอมรับว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนอาจจะส่งผลกระทบสั้นๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้กับธุรกิจของ TTA อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ ประเมินไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ดังนั้น จะเห็นว่า ในช่วงที่ผ่านมา TTA ใช้ความระมัดระวังและเพิ่มความรอบคอบในการขยายธุรกิจมากขึ้น แม้จะมีอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและเป็นเป้าหมายในการลงทุน แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน การตัดสินใจลงทุนใหม่จะต้องอยู่บนช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“สิ่งที่เราทำในขณะนี้ คือ ระมัดระวังการขยายธุรกิจหรือการลงทุนใหม่ ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบที่สุด และจะเน้นสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่ง ซึ่งต้องบอกว่า TTA มีความเข้มแข็งทางการเงินมาก จากการที่เรามีเงินสดสภาพคล่องในมือที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นในการเพิ่มทุนก่อนหน้านี้  ขณะเดียวกัน เราพยายามรักษาระดับของธุรกิจที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน ให้ดีกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยเน้นเรื่องการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายและบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมา ผมถือว่าเราทำได้ดี มีผลงานเป็นที่น่าพอใจ สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2558 ที่เราสามารถพลิกจากขาดทุนใน ไตรมาสแรก กลับมาทำกำไรสุทธิ 135.4 ล้านบาทได้ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจโลกถดถอยก็ตาม” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าว

สำหรับการเตรียมพร้อมรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ในส่วนของธุรกิจชิปปิ้ง บริษัทฯ จะยังคงใช้นโยบายควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย ประกอบกับบริหารกองเรือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และเน้นบริการขนส่งสินค้าเทกองในเส้นทางการค้ายุทธศาสตร์ ที่จะให้ผลกำไรสูงกว่าเส้นทางอื่นๆ ขณะที่ บมจ. เมอร์เมด มาริไทม์ ก็เดินหน้าเจรจากับลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางล็อคสัญญาล่วงหน้า รวมถึงการขยายงานให้บริการ เพื่อสร้างฐานรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัทในส่วน บมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ PMTA ที่ถือหุ้นในธุรกิจปุ๋ยที่เวียดนาม เน้นเพิ่มการส่งออกปุ๋ยไปยังต่างประเทศมากขึ้น เพราะเอเชียประสบภาวะภัยแล้ง รวมถึงการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการบริหารจัดการให้เช่าพื้นที่คลังเก็บสินค้า

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2558 (ระหว่าง 1 เมษายนถึง 30 มิถุนายน 2558) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,998.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวของปีก่อน 13% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาคิดเป็น 31%  โดยมีกำไรขั้นต้นลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย 6% แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วถึง 449% มาอยู่ที่  1,226.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20%

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 135.4 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2558 หรือเพิ่มขึ้น 147% พลิกจากที่เคยขาดทุน 288.3 ล้านบาท เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา แต่ลดลง 47% จากผลกำไรสุทธิที่ 254.6 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ผลการดำเนินงานของธุรกิจ

โทรีเซน ชิปปิ้ง อัตราค่าระวางเรือได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกเกือบตลอดทั้งไตรมาส โดยเพิ่งเริ่มเห็นสัญญาณ   ฟื้นตัวกลับมาในเดือนมิถุนายน ถึงแม้ว่าอัตราค่าระวางเรือหรือ TCE Rate ของกองเรือที่โทรีเซนชิปปิ้งอยู่ที่ 6,482 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งดีกว่าอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของตลาด Supramax ที่ปรับฐานแล้ว 8% แต่ด้วยภาวะซบเซาของตลาดทำให้โอกาสในการได้งานของกองเรือที่เช่ามาเสริมมีจำกัดมาก ส่งผลให้โทรีเซนชิปปิ้งขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 103.2 ล้านบาทในไตรมาส 2/2558

เมอร์เมด มีผลงานที่ดีขึ้น โดยกำไรสุทธิมีการเติบโตขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาถึง 197% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกตามฤดูกาลและการกลับมาทำงานตามปกติของเรือวิศวกรรมใต้ทะเล 3 ลำ หลังจากต้องเข้าอู่ซ่อมบำรุงไปเมื่อไตรมาส 1/2558 ประกอบกับ แรงหนุนจากบริการวางสายเคเบิลใต้ทะเลที่สร้างผลกำไรที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม AOD ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่มอบส่วนแบ่งผลกำไรให้ TTA ยังคงรักษาส่วนแบ่งกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ

ส่วน PMTA ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับภาวะฝนแล้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งลากยาวมาจากไตรมาส 1 จนถึงไตรมาส 2/2558   ก็ยังคงรักษายอดขายในประเทศไว้ในระดับสูง และยังสามารถขยายการส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออก สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ PMTA ในการเพิ่มปริมาณการส่งออกหลังจากการติดตั้งสายการผลิตแบบปุ๋ยอัดเม็ดใหม่เพิ่มขึ้นอีก 100,000 ตันในไตรมาสที่แล้วเสร็จสิ้น

UMS ยังคงเผชิญภาวะขาดทุนในไตรมาส 2/2558 เนื่องจากปริมาณการขายลดลงจากไตรมาสก่อน อันเนื่องมาจากวงเงินสินเชื่อ   ที่มีจำกัดของบริษัท จึงส่งผลให้เกิดการล่าช้าในการนำเข้าถ่านหินมาขายในไตรมาสนี้

ไซโน แกรนด์เนส มีส่วนแบ่งผลกำไรให้กับ TTA ทั้งสิ้น 62.7 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์    น้ำผลไม้และผักบรรจุกระป๋องในตลาดประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นจากการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่าย